เอปสัน เปิดตัวโปรเจกเตอร์รุ่นใหญ่ G Series เจาะกลุ่มลูกค้าโรงแรม ผู้จัดอีเวนต์ ภาคการศึกษา ใช้ 4 กลยุทธ์ส่งเสริมการทำตลาด ปั้นทีมรองรับงานขายทั้งก่อนและหลัง...
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากรายได้ในปีที่ผ่านมาของบริษัทซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากพรินเตอร์ 80% และโปรเจกเตอร์ 20% เชื่อว่าในปีนี้รายได้จากกลุ่มสินค้าโปรเจกเตอร์ก็จะเติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทเร่งขยายตลาดโปรเจกเตอร์รุ่นใหญ่ (High Performance) ซึ่งปัจจุบันเอปสันมีส่วนแบ่งการตลาด 6% และเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปีนี้ แม้ว่าตลาดกลุ่มดังกล่าวจะมีสัดส่วนไม่ใหญ่เท่ากับรุ่นอื่นๆ แต่บริษัทตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 5 ส่วนตลาดโปรเจกเตอร์กลุ่มอื่นนั้นปัจจุบันเอปสันถือเป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว
สำหรับการทำตลาดโปรเจกเตอร์รุ่นใหญ่นั้น เอปสันใช้การทำตลาดแบบควบคู่กับโซลูชั่น พาร์ตเนอร์ และคอนเทนต์ ซึ่งขณะนี้มีพาร์ตเนอร์ในสินค้ากลุ่มดังกล่าวมากกว่า 50 ราย พร้อมด้วยทีมงานขายและบริการหลังการขาย รวมถึงทีมงานในภูมิภาค เพื่อช่วยสนับสนุนการติดตั้งผลิตภัณฑ์และให้ความเข้าใจแก่ลูกค้า ทั้งยังสร้างมาตรฐานความมั่นใจแก่ลูกค้าในการส่งทีมช่างไปซ่อมแซมถึงสถานที่ภายใน 48 ชั่วโมงอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นกลยุทธ์ 4 ด้าน คือ การนำเสนอสินค้าอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาทีมงานและเพิ่มบุคลากร การมีช่องทางจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และการให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย ให้พร้อมดูแลและซ่อมสินค้า
...
ล่าสุด เอปสันได้เปิดตัวโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่รุ่น จี ซีรีส์ (G Series) จำนวน 7 รุ่น คือ EB-G6170, EB-G6870, EB-G6070W, EB-G6270W, EB-G6570WU, EB-G6770WU, EB-G6970WU เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าโรงแรม, ธุรกิจจัดงานอีเวนต์, สถาบันการศึกษา, ห้องประชุมขนาดใหญ่ เป็นต้น ภายใต้การนำเสนอโปรเจกเตอร์ที่มีคุณภาพ ให้ภาพที่มีความสว่าง คมชัด พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานภาพได้มากขึ้น โดยปัจจุบันเอปสันทำราคาโปรเจกเตอร์รุ่นใหญ่อยู่ที่ราว 90,000-790,000 บาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่ามูลค่าตลาดโปรเจกเตอร์ของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราเติบโตด้านรายได้ไว้ที่ 10% และเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็น 36% จากเดิมที่ 34% แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกตลาดโปรเจกเตอร์จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว อาทิ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา ชะลอการใช้จ่าย แต่ตลาดดังกล่าวยังอยู่ในภาวะทรงตัว จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะสามารถเติบโตได้ราว 15-20% ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีจะสามารถเติบโตได้ราว 5-10%.