นาฬิกาอัจฉริยะ Apple Watch ผู้คนทั่วโลกนิยมสวมใส่กัน ตอบโจทย์การใช้งานที่ลงตัวด้วยการออกแบบที่สวยงามดูล้ำสมัยและความสามารถในการตรวจสอบสุขภาพ การให้คำแนะนำการออกกำลังกาย ติดตามกิจกรรมต่างๆ ช่วยให้มีสไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์ เป็นคู่หูสุขภาพที่ลงตัว
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับวันหยุดยาว หลายๆคนมีเวลาว่างไม่ได้ไปไหนกัน ทีมงานขอลงลึกถึงการใช้งาน Apple Watch ที่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ใช้และสมาชิกครอบครัว
Apple Watch วางจำหน่ายรุ่นแรกตั้งแต่ ปี 2558 หรือเกือบ 10 ปี มาพร้อมกับเซ็นเซอร์การวัดการเต้นหัวใจแบบออปติคอล สามารถตรวจสอบการเต้นของชีพจรและรับแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ รวมทั้งแอปฟิตเนสเพื่อเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย สามารถเก็บข้อมูลได้แม่นยำและได้เห็นการวัดการเต้นของหัวใจที่ต้องการได้
จากจุดเริ่มต้นตรงนี้ทำให้ Apple Watch ได้รับกระแสตอบรับที่ดีฟีเจอร์นี้มีประโยชน์และหลายคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับสุขภาพของตนเองได้มากขึ้นจากที่ไม่เคยรู้มาก่อน จนเป็นแรงบันดาลใจให้แอปเปิลได้ลงทุนพัฒนาฟีเจอร์การใช้งานด้านสุขภาพอย่างมหาศาล เช่น แอป Mindfulness ช่วยทำสมาธิจากการฝึกลมหายใจเข้าออก แอปตรวจสอบเสียงรบกวนรอบข้าง การวัดระดับออกซิเจนในเลือดขณะออกกำลังกาย การติดตามการนอนหลับ การติดตามความเสี่ยงจากการเดิน และอีกหลายๆ ฟีเจอร์ที่อยู่ในแอป Health หรือสุขภาพ
...
ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของแอปเปิลที่พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ ในช่วงที่ผ่านมา Apple Watch มักจะมุ่งไปยังการพัฒนาฟีเจอร์หรือคุณสมบัติใหม่ๆ แต่เราจะโฟกัสไปยัง 3 การใช้งานหลักๆ 3 หัวข้อที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ คือ 1. สุขภาพของครอบครัว 2. สุขภาพจิต และ 3.แอปสุขภาพ
สุขภาพครอบครัว (Family Health)
เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ เนื่องจาก มีประชากรสูงวัยอายุเกิน 60 ปี ในสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคนไทยหลายๆคนอาจจะต้องคอยดูแลพ่อแม่หรือสมาชิกผู้สูงวัยในครอบครัว แอปสุขภาพหรือ Health App สามารถตั้งค่าการแชร์สุขภาพของครอบครัวได้
ข้อมูลสุขภาพถูกจัดเก็บไว้ในแอปสุขภาพใน iPhone เราเข้าไปตั้งค่าการแชร์ เลือกหา และสรุปได้ เช่น การเตือนและแนวโน้มเกี่ยวกับสุขภาพ นำไปแชร์กับเพื่อน ครอบครัว และผู้ที่ดูแลคุณได้ แต่ต้องอยู่ในรายชื่อของคุณ ผู้ที่คุณแชร์ข้อมูลสุขภาพด้วยยังสามารถดูการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพที่คุณได้รับ อย่างการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็ว และจังหวะการเต้นไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถแชร์การแจ้งเตือนแนวโน้มที่มีนัยสำคัญ เช่น การทำกิจกรรมลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด
การเลือกหาในหมวดหมู่สุขภาพ ในแอปดังกล่าวมีตัวเลือกที่น่าสนใจหลายหมวดหมู่มาก เช่น
ค่าวัดการเคลื่อนไหว (Mobility) iPhone ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในตัวเพื่อวัดค่าการเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น ความเร็วในการเดิน ความยาวก้าว ช่วงเวลาที่เท้าทั้งสองรับน้ำหนัก และการเดินไม่สมดุล ซึ่งค่าวัดทั้งหมดนี้นำไปใช้ประเมินท่าเดินและการเคลื่อนไหวของคุณได้
...
การวัดสมรรถนะในการเดินมักนำไปใช้ประเมินระดับสุขภาพของบุคคลหนึ่ง ติดตามการฟื้นตัวหลังอาการบาดเจ็บหรือการผ่าตัด หรือเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น และการวัดสมรรถนะการเดินที่มักนำมาใช้บ่อยๆ คือ ความเร็วในการเดิน ความยาวก้าว ช่วงเวลาที่เท้าทั้งสองรับน้ำหนัก และการเดินไม่สมดุล
–ความเร็วในการเดิน และความเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการวัดผลทางสุขภาพที่มีความหมายในทางคลินิก โดยค่าความเร็วในการเดินที่วัดได้มักใช้ในการติดตามการฟื้นตัวจากเหตุการณ์เฉียบพลันที่เกิดกับสุขภาพ เช่น การเปลี่ยนข้อต่อและอาการเส้นโลหิตในสมองแตก รวมถึงการเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป เช่น พัฒนาการของโรคพาร์กินสันและการสูงวัย
...
–ความยาวก้าว เป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวบกพร่องประเภทที่มีอาการเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อและโครงกระดูก และยังเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการล้มและความกลัวการหกล้มได้ ความยาวก้าวจะลดลงตามอายุโดยผู้ใหญ่ที่มีอายุมากขึ้นจะมีความยาวก้าวลดลงเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่มีอายุน้อยกว่า ดังนั้นการลดความยาวก้าวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเราอายุมากขึ้น และการออกกำลังกายเพื่อช่วยในเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจช่วยให้เราดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้อื่น
...
–ช่วงเวลาที่เท้าทั้งสองรับน้ำหนัก คือสัดส่วนของเวลาที่เท้าทั้งสองข้างสัมผัสพื้นขณะเดิน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นค่าเวลาที่แน่นอนและเป็นอัตราร้อยละของวัฏจักรการเดินแต่ละรอบเมื่อเกิดการบาดเจ็บหรือความผิดปกติ และการที่เท้าทั้งสองข้างรับน้ำหนักนานขึ้น ก็มีความเกี่ยวข้องกับความกลัวการหกล้มของบุคคลหนึ่ง ขณะเดียวกันค่าที่น้อยลงก็มีความสัมพันธ์กับการเดินที่มั่นคงขึ้นและความเสี่ยงในการล้มที่ลดลง
–การเดินไม่สมดุล เกิดขึ้นเมื่อมีความผิดปกติหรืออาการบาดเจ็บกับขาข้างใดข้างหนึ่ง และบุคคลนั้นต้องอาศัยขาอีกข้างเป็นหลักขณะเดิน ซึ่งการเดินไม่สมดุลนั้นมักเป็นมากขึ้นหลังจากเกิดอาการบาดเจ็บ หรือมีการเสื่อมของระบบประสาทอันเนื่องมาจากอายุมากขึ้นหรือโรค นอกจากนี้ยังพบว่าการที่ขาสองข้างทำงานสัมพันธ์กันลดลงมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการล้มที่มากขึ้นและผลการผ่าตัดที่ไม่ดี และยังเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการบาดเจ็บที่ข้อต่อในภายหลังได้ด้วย
การทดสอบการเดิน 6 นาที
Apple Watch สามารถบอกระยะทางโดยประมาณที่ผู้ใช้เดินได้ใน 6 นาที ซึ่งเป็นการวัดที่อาจนำไปใช้ในทางการแพทย์โดยเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงระดับความฟิตของหัวใจและหลอดเลือดโดยรวมและการเคลื่อนไหวของบุคคลหนึ่ง
VO2 Max
ระดับคาร์ดิโอฟิตเนสเป็นการวัดค่า VO2 Max ซึ่งเป็นปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายสามารถใช้ในระหว่างการออกกำลังกาย โดยระดับคาร์ดิโอฟิตเนสเป็นค่าสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายโดยรวม และยังใช้คาดการณ์สุขภาพของคุณในระยะยาวได้ด้วย และ Apple Watch ก็สามารถประเมินระดับคาร์ดิโอฟิตเนสได้โดยการวัดว่า หัวใจของคุณทำงานหนักแค่ไหนในระหว่างการเดินกลางแจ้ง การวิ่งกลางแจ้ง หรือการเดินป่าโดยใช้แอปออกกำลังกาย
สุขภาพจิต (Mental Wellbeing)
สภาวะจิตใจ
สุขภาพจิตมีความสำคัญพอๆกับสุขภาพกายและส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก และการกระทำของผู้คนในแต่ละวัน ดังนั้นแอปสุขภาพใน iOS 17 และ iPadOS 17 รวมถึงแอปทำสมาธิ (Mindfulness) ใน watchOS 10 จึงมีวิธีที่ง่ายและน่าสนใจให้ผู้ใช้ได้สำรวจสภาวะจิตใจของตนเอง โดยผู้ใช้สามารถเลื่อนดูรูปทรงแบบหลายมิติที่สะดุดตาและเลือกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ตั้งแต่ “สบายใจมาก” จนถึง “ไม่สบายใจมาก” จากนั้นสามารถเลือกสิ่งที่มีความเชื่อมโยงและส่งผลต่อความรู้สึกนั้นมากที่สุด อย่างการเดินทางหรือครอบครัว และอธิบายความรู้สึกนั้น เช่น ซาบซึ้งใจหรือกลุ้มใจ
ในแอปสุขภาพผู้ใช้สามารถดูข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์เพื่อระบุปัจจัยที่อาจส่งผลต่อสภาวะจิตใจของตนได้ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านความเชื่อมโยงหรือไลฟ์สไตล์ เช่น การนอนหรือการออกกำลังกาย และสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อจัดการกับสุขภาพโดยรวมของตนเองให้ดียิ่งขึ้นได้
การนอนหลับ
แอปนอนหลับบน Apple Watch ให้คุณสร้างตารางเวลาการนอนเพื่อช่วยให้คุณนอนหลับได้ตามเป้าหมาย เพียงแค่ใส่นาฬิกาเข้านอน Apple Watch ก็จะติดตามระยะเวลาโดยประมาณที่คุณใช้ในแต่ละระยะของการนอนหลับ เช่น การนอนในระยะหลับฝัน นอนหลับจริง และหลับลึก รวมถึงเวลาที่คุณอาจตื่นขึ้นกลางดึก และเมื่อคุณตื่นในตอนเช้า ก็สามารถเปิดแอปนอนหลับเพื่อดูว่าคุณได้นอนมากน้อยเท่าไหร่ และดูแนวโน้มในการนอนตลอดช่วง 14 วันที่ผ่านมาได้ รวมถึงการวัดอุณหภูมิจากข้อมือ
ใส่ Apple Watch Series 8 หรือ Apple Watch Series 9 เข้านอนเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากข้อมือในตอนกลางคืน ซึ่งสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาวะของคุณได้
แอป Journal
Journal หรือแอปบันทึกเป็นแอปใหม่ที่คุณจะเห็นบน iPhone หลังจากอัปเดตเป็น iOS 17.2 แอป Journal ช่วยให้คุณเริ่มฝึกนิสัยจดบันทึกได้ง่ายๆ โดยจะมีคำแนะนำการจดบันทึกที่ช่วยจัดกลุ่มการออกไปเที่ยว ภาพถ่าย การออกกำลังกาย และอื่นๆ อย่างชาญฉลาดเพื่อช่วยคุณจดจำและย้อนทบทวนประสบ การณ์ที่ผ่านมา โดยคุณสามารถใส่รูปภาพ วิดีโอ เสียง และอื่นๆได้ หรือจะบุ๊กมาร์กบันทึกสำคัญเพื่อกลับมาอ่านและค้นพบแง่คิดใหม่ๆใน ภายหลังก็ได้ และยังสามารถล็อกบันทึกด้วย Face ID, Touch ID หรือรหัสเพื่อให้มีคุณคนเดียวที่เปิดได้
แอปสุขภาพบน iPad และแอปของนัก พัฒนาจากบริษัทอื่น
แอป Health หรือแอปสุขภาพออกแบบมาเพื่อช่วยจัดระเบียบข้อมูลสุขภาพที่สำคัญและทำให้ข้อมูลนั้นเข้าถึงได้ง่ายๆอย่างปลอดภัยจากที่เดียว และยังแสดงข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพจิตและสุขภาพสายตา ซึ่ง iPad หลังจากปล่อย iPadOS 17 สามารถใช้แอปเก็บบันทึกข้อมูลสุขภาพและฟิตเนส ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ทำให้ดูข้อมูลต่างๆ ได้ทั้งหมดและยังสามารถทำอะไรได้อีกมาก ทำให้อุปกรณ์ของบริษัทอื่นที่ใช้งานร่วมกันได้และแอปที่ใช้ HealthKit
แอปสุขภาพช่วยให้คุณติดตามสุขภาพของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง และจะแจ้งเตือนเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญกับข้อมูลประเภทต่างๆ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ จำนวนก้าว และระยะเวลาการนอนหลับ โดยจะมีเส้นแนวโน้มแสดงว่าค่าวัดเหล่านี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนและนานแค่ไหน และหากต้องการรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มด้านสุขภาพ ให้แตะ “สรุป” ที่มุมซ้ายล่าง แล้วแตะรูปภาพหรือชื่อย่อของคุณตรงมุมบนขวา จากนั้นแตะ “การแจ้งเตือน” แล้วเปิด “แนวโน้ม” โดยแอปนี้เก็บรักษาข้อมูลอย่างปลอดภัยและยังปกป้องความเป็นส่วนตัว
HealthKit
HealthKit ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเก็บข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสบน iPhone และ Apple Watch โดยเมื่อผู้ใช้ให้อนุญาต แอปก็จะสื่อสารกับ HealthKit เพื่อเข้าถึงและแชร์ข้อมูลนี้ และนักพัฒนาสามารถผนวกรวม HealthKit ไว้ในแอปสุขภาพและฟิตเนสสำหรับ iOS และ watchOS เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นได้ เมื่อลูกค้าให้อนุญาตแอปในการอ่านและเขียนข้อมูลสุขภาพและกิจกรรมลงในแอปสุขภาพ แอปนั้นก็จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์และสามารถให้แนวทางแก้ปัญหาด้านสุขภาพและฟิตเนสที่มีข้อมูลรองรับอย่างครบถ้วน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ต้องใช้เข็มเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว
ตัวอย่างการทำงานระหว่างแอปเปิลกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ชั้นนำทางการแพทย์ของโลก อย่างบริษัทเด็กซ์คอม ที่พัฒนานวัตกรรมการตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่องผ่านอุปกรณ์ Dexcom G6 Continuous Glucose Monitoring (CGM) สำหรับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องใช้เข็มเจาะปลายนิ้วเหมือนเช่นที่ผ่านมา
Dexcom G6 CGM ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1.อุปกรณ์ช่วยติดเซ็นเซอร์บนผิวหนัง 2.เซ็นเซอร์ขนาดเล็กและเครื่องส่งสัญญาณ 3.อุปกรณ์แสดงผลนำไปติดใต้ผิวหนังเพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลได้นาน 10 วัน วัดผลได้ทุกๆ 5 นาทีแม้หลับอยู่ก็ถูกวัดค่า เซ็นเซอร์ส่งสัญญาณผ่านบลูทูธรัศมีไม่เกิน 15 ฟุต หากเซ็นเซอร์ตรวจจับว่ามีระดับน้ำตาลต่ำจนเป็นอันตรายจะเตือน 20 นาที ซึ่งยังพอมีเวลาหาอะไรกิน ไปที่ร้านค้า และมีเวลาตัดสินใจได้
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานเมื่อติดอุปกรณ์ นี้จะสื่อสารไปยัง iPhone เพียงแค่เหลือบไปดูหน้าจอก็จะเห็นลูกศรที่บ่งชี้ระดับน้ำตาลได้เลย โดยคนรอบตัวไม่รู้ว่ากำลังตรวจเช็กอยู่ด้วยซ้ำไป นับว่ามีประโยชน์ในการควบคุมโรคเบาหวาน รวมไปถึงสมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ป่วยเพื่อติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิดได้ผ่าน iPhone หรือ iPad แชร์ข้อมูลให้สมาชิกครอบครัวหรือคนสนิทได้สูงสุด 10 คน ด้วยการตั้งค่าการแบ่งปันข้อมูล สามารถส่งข้อความไปให้ได้ด้วย โดยผู้ป่วยเองตั้งค่าได้ว่าจะแชร์ให้ใครหรือจำกัดการแชร์ข้อมูลได้
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์นี้ในภูมิภาคนี้ ใช้ได้แล้วที่ ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, เกาหลีและสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยต้องรอดูกระบวนการขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขก่อนเพราะถือเป็นอุปกรณ์การแพทย์.