แอปเปิลไม่ลดละหวังเพิ่มฟีเจอร์ตรวจวัดน้ำตาลในเลือดบน Apple Watch ให้ได้ ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารทีม Apple Silicon มาดูแลหนึ่งในโปรเจกต์ที่ทะเยอทะยานที่สุดของแอปเปิล
รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า แอปเปิลได้แต่งตั้งให้ผู้บริหารทีม Apple Silicon เข้ามารับผิดชอบโครงการตรวจวัดน้ำตาลในเลือดบน Apple Watch โดยถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า แอปเปิลยังคงมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อโครงการนี้
ควรต้องกล่าวด้วยว่า แอปเปิล มีความตั้งใจที่จะพัฒนาเครื่องมือการตรวจวัดน้ำตาลในเลือดมาตั้งแต่ปี 2011 โดยมาจากแนวคิดของสตีฟ จ็อบส์ ก่อนที่ตัวโครงการจะค่อยๆ พัฒนาจนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการตรวจวัดน้ำตาลในเลือดได้สำเร็จบ้างแล้วในบางส่วน
ในการพัฒนาเชิงเทคนิค แอปเปิลเลือกใช้ชิปซิลิคอน โฟโตนิกส์ และกระบวนการดูดกลืนที่เรียกว่าสเปกโทรสโกปี ซึ่งระบบนี้ใช้เลเซอร์ยิงไปที่บริเวณใต้ผิวหนังที่มีของเหลว จากนั้นเมื่อแสงสะท้อนกลับมายังเซนเซอร์ จะเป็นการบอกค่าถึงความเข้มข้นของกลูโคส
แน่นอนว่าแอปเปิลมีเป้าหมายสูงสุดคือการนำเครื่องมือการตรวจวัดน้ำตาลในเลือดมาเป็นส่วนหนึ่งในฟีเจอร์ของ Apple Watch แต่ก็คงต้องใช้เวลานานอีกหลายปีกว่าที่จะสานฝันโครงการท้ายๆ ของสตีฟ จ็อบส์ ให้เกิดขึ้นจริง
โครงการพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดน้ำตาลในเลือดของแอปเปิลอยู่ภายใต้ทีม Exploratory Design Group ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาระดับลับสุดยอด ซึ่งมีวิลเลียม อาธาส เป็นหัวหน้าทีม แต่เขาได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันในช่วงปลายปี 2022
หลังจากนั้นโครงการพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดน้ำตาลในเลือดก็ไม่มีหัวหน้างานเป็นเวลาหลายเดือน จะมีก็แต่การดูแลแบบเฉพาะกิจของทีมงานเก่าของวิลเลียม อาธาส จนกระทั่งแต่งตั้งให้ทิม มิลเล็ต รองประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์ม ซึ่งอยู่กับแอปเปิลมานานถึง 19 ปี เข้าดูแลงานในส่วนนี้แทน
...
ในช่วงที่ผ่านมา ผลงานของทิม มิลเล็ต มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาคือหนึ่งในหัวเรือสำคัญของแอปเปิล ที่นำทีมเปลี่ยนจากการใช้ชิปเซตของอินเทล (Intel) ไปเป็นชิปของแบรนด์แอปเปิลเองอย่าง Apple M1 และ Apple M2
โครงการพัฒนาการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดบน Apple Watch ถือเป็นโครงการในระดับ Moonshot เนื่องจากถ้าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จจะสร้างความยั่งยืนให้กับแอปเปิลอย่างมาก รวมถึงสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้คนว่าพวกเขาเป็นเบาหวานหรือไม่ ลดการเจาะเลือดสำหรับทดสอบ และเป็นมาตรการแจ้งเตือนในกรณีที่เป็นเบาหวาน หรือเป็นก่อนวัยอันควร
ที่มา: Bloomberg