ไมโครซอฟท์ เผยข้อมูลจากงานวิจัยของ Work Trend Index ฉบับล่าสุดประจำปี 2023 พบว่า ปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทต่อมนุษย์มากขึ้น จนกลายเป็นการเปลี่ยนบทบาทโลกการทำงานยุคใหม่

สุภาณี อนุวงศ์วรเวทย์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด และปฏิบัติการ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ ได้ส่งผลให้วิธีการทำงานของมนุษย์เปลี่ยนไป จากเดิมที่มีระบบอัตโนมัติในการทำงาน มาเป็นระบบผู้ช่วยที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างชาญฉลาด ทำให้พนักงานหลุดพ้นจากสิ่งที่เรียกว่า “Digital Debt” หรือภาระงานที่เกิดขึ้นจากการโต้ตอบกันทางอีเมล แชต และประชุมทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ จนไม่มีเวลาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาได้

สุภาณี กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญของปัญญาประดิษฐ์อยู่ตรงที่การทำให้มนุษย์ต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้น โดยรายงาน Work Trend Index 2023 ระบุว่าพนักงานไทยถึง 86 เปอร์เซ็นต์ ยินดีที่จะมอบหมายให้ AI ทำงานแทนให้ได้มากที่สุดเพื่อลดภาระงานลง ดังนั้นแล้ว ผู้บริหารในยุคนี้จึงมีทั้งโอกาสและแรงผลักดันให้ต้องเร่งทำความเข้าใจวิธีใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อลดความจำเจในการทำงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และยกระดับความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ไปพร้อมกัน

ทางด้านรายงานของ Work Trend Index 2023 ฉบับประจำปี 2023 มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย จากการสำรวจพนักงานและผู้บริหารกว่า 31,000 คนในอุตสาหกรรมต่างๆ ครอบคลุม 31 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย พบว่า มีสาระสำคัญ 3 ข้อใหญ่ๆ ได้แก่ 

1. Digital Debt ยับยั้งการสร้างนวัตกรรมใหม่ - เนื่องจากพนักงานต้องตอบอีเมล และแชต ในปริมาณมหาศาลตลอดวัน จึงทำให้ไม่มีเวลาสร้างสรรค์ผลงานและนวัตกรรมใหม่ โดยพนักงานในประเทศไทย 89 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีเวลาและพลังงานมากพอที่จะทำงานให้เสร็จ และคนกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะเจอกับอุปสรรคเมื่อต้องลงมือสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยตัวเอง 

...

ขณะที่ข้อมูลเวลาทำงานใน Microsoft 365 ชี้ว่าโดยเฉลี่ย พนักงานใช้เวลาทำงาน 57 เปอร์เซ็นต์ ไปกับการติดต่อประสานงาน และเพียง 43 เปอร์เซ็นต์ ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้นมา ส่วนอุปสรรคอันดับหนึ่งที่ขัดขวางประสิทธิผลในการทำงานก็คือการประชุมที่ไร้ประสิทธิภาพ

2. AI พันธมิตรคู่ใจคนทำงาน - พนักงานส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับบทบาทของ AI ในการแบ่งเบาภาระงานมากกว่าที่จะกังวลว่าตนเองจะถูกแทนที่จนตกงาน 

ส่วนผู้บริหารส่วนใหญ่ก็มีความตั้งใจที่จะนำ AI มาสนับสนุนพนักงานให้ทำงานได้ดีขึ้น แทนที่จะนำมาทำงานแทนมนุษย์ 

สำหรับในประเทศไทย พบว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่เข้าร่วมการสำรวจยังมีความกังวลว่าจะถูก AI แย่งงาน แต่ก็มีถึง 86 เปอร์เซ็นต์ ที่พร้อมจะแบ่งงานให้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้ได้มากที่สุดเพื่อแบ่งเบาภาระงาน 

นอกจากนี้ พนักงานไทยราว 9 ใน 10 คนมั่นใจว่าพร้อมแบ่งงานที่ซับซ้อน เช่นการวิเคราะห์ข้อมูลหรือสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ ให้ AI เข้ามาช่วยทำ โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่งานเอกสารหรือธุรการทั่วไป ส่วนในระดับผู้บริหาร พบว่ามีกลุ่มที่สนใจนำ AI มาใช้เสริมประสิทธิภาพในที่ทำงานเป็นจำนวนที่สูงกว่ากลุ่มที่มุ่งลดจำนวนพนักงานด้วย AI ราวหนึ่งในสาม

3. พนักงานทุกคนต้องเชี่ยวชาญ AI - โดยเริ่มจากการวางโครงสร้างและเขียนคำสั่งสำหรับ AI (prompt engineering) แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้าน AI เท่านั้น 

ผู้บริหารในไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าพนักงานจะต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในยุคปัญญาประดิษฐ์

ขณะที่พนักงานไทย 86 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพวกเขายังขาดความสามารถที่เหมาะสมในการทำงานให้สำเร็จ ดังนั้น จึงคาดการณ์ได้ว่าทักษะใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญด้าน AI จะเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน พร้อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นับตั้งแต่แนวทางการเขียนเรซูเม่ไปจนถึงประกาศรับสมัครงาน