แซม อัลท์แมน (Sam Altman) จากโอเพนเอไอ (OpenAI) ยอมรับมีความกังวลต่อปัญญาประดิษฐ์ และจำเป็นต้องหาแนวทางการป้องกัน ภายหลังการเปิดตัว GPT-4
แซม อัลท์แมน หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ของโลกเทคโนโลยีอย่างโอเพนเอไอ ผู้พัฒนา ChatGPT ยอมรับว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มีความอันตราย แม้ในอีกด้านหนึ่งมันสามารถเปลี่ยนสังคมได้ก็ตาม
อัลท์แมน ในวัย 37 ปี เปิดเผยกับสำนักข่าวเอบีซี นิวส์ ระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลกระทบในด้านลบของปัญญาประดิษฐ์ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ นั่นเป็นเพราะโมเดลของปัญญาประดิษฐ์ อาจถูกนำไปใช้บิดเบือนข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ได้ โดยเฉพาะในเวลานี้ที่เอไอ เขียนโค้ดดิ้งได้แล้ว และมันอาจถูกแฮกเกอร์นำไปใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์
โอเพนเอไอ เพิ่งเปิดตัวโมเดลภาษาเวอร์ชันล่าสุดที่มีชื่อว่า GPT-4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ออกมาหลังจากความสำเร็จของ ChatGPT เพียง 4 เดือนเท่านั้น ก่อนที่ ChatGPT กลายเป็นแอปพลิเคชันที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
ผู้ร่วมก่อตั้งโอเพนเอไอ กล่าวต่อไปว่า แม้ความเก่งกาจของปัญญาประดิษฐ์จะมีอันตรายไม่น้อย แต่ในอีกด้านหนึ่งเทคโนโลยีนี้อาจเป็นเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติได้เช่นกัน
อัลท์แมน กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นของปัญญาประดิษฐ์ว่า ในปัจจุบันเอไอทำงานภายใต้คำสั่ง หรือการป้อนคำสั่งโดยมนุษย์เท่านั้น จึงถือเป็นเครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ ดังนั้นแล้วความน่ากังวลทั้งหมดจึงอยู่ที่คนป้อนข้อมูลให้กับปัญญาประดิษฐ์นั่นเอง
ทางด้าน อีลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในโอเพนเอไอยุคแรก เมื่อครั้งที่ยังเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ได้ออกมาย้ำเตือนหลายครั้งว่า ปัญญาประดิษฐ์เป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์เสียอีก
...
นอกจากนี้ มัสก์ ยังได้กังวลต่อแนวทางที่เปลี่ยนไปของโอเพนเอไอ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารโดยไมโครซอฟท์ อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ไมโครซอฟท์ ได้ปลดทีมงานที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องจริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ออกจากบริษัท ส่งผลให้ไมโครซอฟท์อาจขาดทีมงานซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลความถูกต้องและไม่ถูกต้องของการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ไปเสียแล้ว
ที่มา: ABC News