ผู้บริหารของเมตา ยืนยันไม่คิดถอดใจไปจากโครงการหมื่นล้านอย่างเมตาเวิร์ส พร้อมเทงบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้กับแผนก Reality Labs ซึ่งดูแลส่วนงานด้านเมตาเวิร์สโดยตรงในปีหน้า
การประกาศรีแบรนด์จากเฟซบุ๊กไปเป็นเมตา โดยมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ในช่วงปลายปี 2021 ได้ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักคำใหม่อย่างเมตาเวิร์สอย่างเป็นทางการ
เพียงแต่ว่าการประกาศพาเมตาไปสู่โลกเมตาเวิร์สส่งผลให้เมตา หรือเฟซบุ๊กเดิม ต้องพบเจอกับหลายปัญหา ทั้งความถดถอยของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก จนนำมาสู่การต้องปลดพนักงานนับหมื่นชีวิต ราคาหุ้นที่ตกลงไปมากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ Reality Labs ซึ่งดูแลส่วนงานด้านเมตาเวิร์สโดยตรง ได้เผาเงินบริษัทไปแล้วนับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นรายได้มากนัก
แม้ว่าสถานการณ์ของเมตาเวิร์สภายใต้การดูแลของเมตาจะยังคงไม่สดใสมากนัก แต่แอนดรูว์ บอสเวิร์ธ ผู้บริหารสูงสุดด้านเทคโนโลยีของเมตา ยืนยันว่า เมตาไม่ถอดใจจากเมตาเวิร์ส และพร้อมทุ่มงบประมาณราว 20 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้กับแผนก Reality Labs ในปีหน้าอย่างแน่นอน
...
แอนดรูว์ บอสเวิร์ธ ได้เขียนบล็อกโพสต์บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเมตา ในหัวข้อที่มีชื่อว่า “Why we still believe in the future” หรือถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า ทำไมเราถึงยังเชื่อในอนาคต ในบล็อกดังกล่าว บอสเวิร์ธ ยอมรับว่า การพัฒนาโลกเมตาเวิร์สไม่ใช่สิ่งที่ง่ายอยู่ก่อนแล้ว แต่มันก็ยากกว่าที่คิดเอาไว้เช่นกัน โดยเฉพาะจากปัญหาเศรษฐกิจโลก บวกกับแรงกดดันจากภายนอก จากคำถามและข้อสงสัยที่ว่าเมตากำลังทำอะไรอยู่
บอสเวิร์ธ กล่าวต่อไปว่า แม้ในปี 2022 คนทั่วไปจะมองว่าเมตาล้มเหลว แต่บอสเวิร์ธ ยังเชื่อว่า วิศวกรของ Reality Labs ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Meta Quest Pro ซึ่งเป็นแว่นตา Virtual reality ระดับไฮเอนด์
นอกจากนี้ บอสเวิร์ธ ชี้ชวนในแง่ดีที่เกิดขึ้นของแว่นตา Meta Quest ด้วยว่า ตอนนี้ความนิยมบน Quest Store กำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหลักฐานว่าเมตา และอุปกรณ์ของพวกเขากำลังเดินทางมาถูกทางแล้ว
สุดท้าย บอสเวิร์ธ เชื่อว่า การแข่งขันในธุรกิจ VR จะเพิ่มสูงขึ้น เพียงแต่บอสเวิร์ธ ไม่ได้เผยชื่อของคู่แข่งที่อาจเข้ามาท้าชนกับเมตาอย่างแอปเปิล ซึ่งมีข่าวว่าจ่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความใกล้เคียงกับเมตาในอนาคตอันใกล้