เรียกสติธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รับมือภาวะเงินเฟ้อรุนแรงทั่วโลก ระบบห่วงโซ่การผลิตที่มีความไม่แน่นอน สูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ก่อนการเริ่มต้นเทศกาลช็อปปิ้งส่งท้ายปีที่ยิ่งใหญ่มาถึง โดยดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย ได้ประมวลพฤติกรรมการจับ จ่ายของผู้บริโภคในช่วงพีกซีซันปลายปี 2565 ไว้ดังนี้

1.งบประมาณของผู้บริโภคที่ลดลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ซื้อทั่วโลกกว่า 42% จึงวางแผนที่จะเริ่มต้นซื้อของขวัญสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ราคาจะสูงขึ้นไปอีก และหลายคนตั้งใจลดจำนวนเงินที่ใช้จ่ายลงด้วย ทำให้คาดว่ายอดใช้จ่ายจะลดลงในปีนี้ โดยสิ่งที่ธุรกิจต้องพิจารณาเพื่อรับมือปัญหานี้ ได้แก่ การทำราคาให้แข่งขันได้, การนำสต๊อกส่วนเกินมาลดราคา, การชำระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” และข้อเสนอจัดส่งสินค้าฟรี

2.“ความคุ้มค่า” คือสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด รายงานแนวโน้มการใช้จ่ายประจำปี 2565 ของ eBay ระบุว่า ผู้บริโภค 60% เห็นว่าความคุ้มค่า คุ้มราคา เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการช็อปปิ้งช่วงคริสต์มาสปีนี้ สิ่งที่ธุรกิจควรเตรียมพร้อม ได้แก่ การกระตุ้นการจับจ่าย เช่น แนะนำของขวัญที่น่าสนใจ แต่ไม่เร่งรัดเกิน, เน้นย้ำคุณภาพและจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังได้รับสิ่งพิเศษ, นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์ที่รวมสินค้าหลายรายการในราคาที่ถูกลง

...

3.ความภักดีต่อแบรนด์จะลดลง เพราะ “ราคา” คือสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญสูงสุด ผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะ “นอกใจ” แบรนด์ที่เคยซื้อเป็นประจำ และหันไปหาโปรโมชันที่ดีที่สุดแทน ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ก็จะตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต้องคงราคาปัจจุบันเอาไว้ ขณะที่ลูกค้ามีแนวโน้มซื้อแบรนด์ที่ราคาถูกกว่า หรือไม่ก็ต้องยอมลดราคาให้ถูกลง ซึ่งกำไรก็จะลดตาม สิ่งที่ควรทำเพื่อรับมือ ได้แก่ การให้ “ประสบการณ์ของลูกค้า” เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ พร้อมดึงดูดรายใหม่, ทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) เช่น ส่งโบรชัวร์แนะนำของขวัญที่เหมาะกับลูกค้าเป็นรายบุคคล, มีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย เพราะ 58% ของผู้บริโภคบอกว่าโซเชียลมีเดียส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อในช่วงเทศกาลนี้

4.กรีนช็อปปิ้งคือเทรนด์ที่มาแรง 83% ของผู้ซื้อกำลังมองหาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ ขณะที่ 42% ยอมจ่ายมากขึ้นสำหรับบริการจัดส่งที่ยั่งยืน สิ่งที่ควรทำ ได้แก่ การแจ้งเป้าหมายและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ในทุกช่องทางการสื่อสาร, คำนึงถึงบรรจุภัณฑ์ การใช้บรรจุภัณฑ์มากไป ลูกค้าจะไม่ประทับใจ และอาจนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย, ปรับใช้นโยบายการชดเชยคาร์บอน

5.ความท้าทายด้านซัพพลายเชน (ห่วงโซ่การผลิต) จากสงครามในยูเครน ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น นโยบายจำกัดการเดินทางเข้า-ออกของจีน เนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้สินค้าส่งออกล่าช้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ 67% ของธุรกิจเอสเอ็มอีในอเมริกา ต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายด้านสินค้าคงคลังในปี 2565 และ 80% พบว่าต้นทุนด้านซัพพลายเชนเพิ่มสูงขึ้นขณะที่เวลาที่ยอดขายคึกคักที่สุดกำลังมาถึง ความกดดันอาจเพิ่มขึ้นตาม สิ่งที่ต้องทำเพื่อรับมือ ได้แก่ กระจายการซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์หลายราย, เปลี่ยนกลยุทธ์การขาย เช่น เปลี่ยนไปขายผลิตภัณฑ์อื่นที่มีอยู่.