เมตา ทุ่มเงินเพื่อสร้างเมตาเวิร์สไปแล้วกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว แม้ยังคลุมเครือว่าพัฒนาในด้านใดบ้าง ส่วนผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยี รู้สึกผิดหวังที่เมตาเวิร์สของเมตา ไม่ได้พัฒนาไปไกลกว่าที่คิด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมตา ได้จัดงาน Meta Connect ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของเมตาเกี่ยวกับจักรวาลเมตาเวิร์สของทางฟากฝั่งเมตา โดยในเวลานี้ ยักษ์ใหญ่แห่งโลกอินเทอร์เน็ตได้ใช้เงินไปแล้วมากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 5.8 แสนล้านบาท ถ้าหากนับเฉพาะในปีนี้ ก็ใช้เงินไปแล้วราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การลงทุนเมตาเวิร์สของเมตา เป็นการลงทุนผ่านแผนกที่มีชื่อว่า Reality Labs ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เพียงแต่ว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า เมตาได้ใช้จ่ายเงินส่วนนี้ไปในทิศทางใดบ้าง
แดน ไอส์ นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของบริษัทการลงทุน เวดบุช (Wedbush Securities) ให้ความเห็นว่า เมตาเวิร์สของเมตายังถือเป็นความเสี่ยงของซัคเคอร์เบิร์กและทีมงาน เพราะตอนนี้พวกเขากำลังนำเงินมหาศาลมาเดิมพันอนาคต ในขณะที่ธุรกิจหลักของพวกเขาก็กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ไม่น้อย
พร้อมกันนี้ ไอส์ ยอมรับว่า การตั้งราคา Meta Quest Pro ที่มีราคาแพงถึง 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 57,000 บาท) เป็นราคาเปิดตัวที่สูงมาก จึงทำให้คนที่เข้าถึงมีเฉพาะลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์เท่านั้น และไม่น่าเหมาะกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปสักเท่าไร ทำให้การเข้าสู่โลกเมตาเวิร์สยากขึ้น
ทางด้าน มาร์ค ซีกูโตวิช นักวิเคราะห์จากเบนช์มาร์ค (Benmark) กล่าวว่า เขาไม่ทราบถึงการใช้จ่ายเงินในการสร้างเมตาเวิร์สของเมตา แต่เชื่อว่าอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ คงถูกนำไปใช้ในด้านการวิจัยและพัฒนา (research and development) เพื่อสร้างโลกเสมือนใบใหม่ที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ฝันเอาไว้
...
ซีกูโตวิช ย้ำว่า ตอนนี้คงยังไม่มีเมตาเวิร์สที่แท้จริง จนกว่าที่ผู้คนจะไม่ต้องสวมใส่แว่น VR และ AR ที่มีขนาดใหญ่และดูเหมือนมนุษย์ต่างดาว ซึ่งตอนนี้เมตายังไปไม่ถึงจุดนั้น
นอกจากนี้แล้ว ซีกูโตวิช ได้เสนอประเด็นที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเด็น นั่นคือ ในเวลานี้เมตาประสบปัญหาตรงที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจเพื่อมาเสริมทัพกับโลกเมตาเวิร์สของเมตาได้ นั่นเป็นเพราะคณะกรรมการกำกับดูแลได้เฝ้าจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของเมตาอย่างใกล้ชิด
เมื่อมีคนเห็นแย้งกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ในประเด็นการสร้างเมตาเวิร์ส ก็ย่อมต้องมีคนที่เห็นด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ อิวาน ไฟน์เซ็ธ นักวิเคราะห์ของติเกรส ไฟแนนเชียล พาร์ตเนอร์ (Tigress Financial Partners) ให้ความเห็นว่า ตัวเขาเชื่อในวิสัยทัศน์ระยะยาวในด้านเมตาเวิร์สของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก พร้อมกับยกตัวอย่างว่า ในวันที่ เฟซบุ๊ก เข้าซื้อกิจการของอินสตาแกรม ผู้คนจำนวนมากหัวเราะเยาะใส่เขา แล้วบอกด้วยว่า ซัคเคอร์เบิร์กบ้าไปแล้วที่เอาเงินมหาศาลไปทิ้ง แต่ในวันนี้เป็นอย่างไร อินสตาแกรม กลายเป็นหนึ่งในดีลการซื้อกิจการที่ยอดเยี่ยมมากๆ ไม่ใช่แค่ของเฟซบุ๊ก แต่เป็นหนึ่งในดีลการซื้อกิจการที่ดีของโลก
ที่มา: Business Insider