ผลสำรวจ KPMG 2022 CEO Outlook เผยเหล่าซีอีโอเห็นว่า การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดอีกต่อไป เพราะต่างเตรียมพร้อมมากขึ้น ขณะที่การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหน้าที่เชิงกลยุทธ์และช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ส่วนการคงไว้และปรับลดจำนวนพนักงานให้เหมาะสม ยังเป็นประเด็นสำคัญในใจซีอีโอทั่วโลก

KPMG (เคพีเอ็มจี) ที่ปรึกษาธุรกิจซึ่งมีสาขาทั่วโลก เปิดเผยผลสำรวจ KPMG 2022 CEO Outlook ซึ่งสอบถามซีอีโอมากกว่า 1,300 คน จากองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของโลกเกี่ยวกับกลยุทธ์และมุมมองในอนาคต โดย 1 ใน 3 ของบริษัทที่ทำการสำรวจมีรายได้ต่อปีมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 11 ตลาดหลัก ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ใน 11 ภาคอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การจัดการสินทรัพย์ ยานยนต์ การธนาคาร ผู้บริโภคและการค้าปลีก พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ประกันภัย วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต การผลิต เทคโนโลยี และโทรคมนาคม

บิลล์ โทมัส ประธานและซีอีโอ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า วิกฤติที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น โรคระบาดทั่วโลก ความตึงเครียดทางการเมือง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และปัญหาทางการเงิน ได้เกิดขึ้นติดต่อกันในเวลาสั้นๆ และส่งผลต่อมุมมองของซีอีโอทั่วโลก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจคือความกังวลอันดับต้นสําหรับผู้นำในขณะนี้ แต่ก็น่ายินดีที่ผู้บริหารต่างยังเชื่อมั่นในบริษัทของตนและคาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว

ผลการสำรวจที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นการคงจำนวนและลดจำนวนพนักงาน ซึ่งอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างหนักสําหรับซีอีโอในช่วงที่ผ่านมา แต่ผลสำรวจก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่า การลาออกครั้งใหญ่อาจค่อยๆลดลง โดยซีอีโอ 39% ตัดสินใจคงจำนวนพนักงานแล้ว แต่ 46% กำลังพิจารณาลดจำนวนพนักงานลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า อย่างไร ก็ตาม ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ มีการคาดการณ์ในเชิงบวก โดยมีเพียง 9% เท่านั้นที่คาดว่าจำนวนพนักงานจะลดลงอีก

...

นอกจากนั้น ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระยะยาว โดยธุรกิจ 37% วางแผนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลต่อไปในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่ 40% บอกว่าจะหยุดกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลไว้ชั่วคราว

ซีอีโอมากกว่า 1 ใน 4 ยังเชื่อว่า การพัฒนาสู่ระบบดิจิทัลและการเชื่อมต่อทางธุรกิจมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า และ 74% เห็นด้วยว่า การลงทุนเชิงกลยุทธ์ด้านดิจิทัล สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และ บรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG ขององค์กรจะเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก

เหล่าซีอีโอยังให้ความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและเทคโนโลยีเพราะเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่และก่อให้เกิดกระแสดิสรัปชัน (Disruption) ได้กลายเป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อการเติบโตของธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่วนความเสี่ยงอื่นๆ ที่จะกระทบต่อการเติบโต ได้แก่ ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ปัญหาด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติงาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง เช่น ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกับลูกค้าหรือความคิดเห็นสาธารณะ สร้างความกังวลให้กับซีอีโอมากขึ้น เมื่อเทียบกับต้นปี 2565 (10% ในเดือน ส.ค.เทียบกับ 3% ในเดือน ก.พ.) เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ องค์กร 51% หยุดทำงานกับรัสเซียและ 34% วางแผนที่จะทำเช่นนั้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

เหล่าซีอีโอยังเห็นว่า การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดขององค์กรอีกต่อไป เพราะองค์กรต่างเตรียมพร้อมสําหรับการโจมตีมากขึ้น โดยมีซีอีโอ 6% เท่านั้นที่ระบุว่าเป็นความเสี่ยงสูงสุด

แม้ไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวงอีกต่อไป แต่ความปลอดภัยทางไซเบอร์ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง โดยซีอีโอ 77% ระบุว่าการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหน้าที่เชิงกลยุทธ์และเป็นภารกิจที่ช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ขณะเดียวกันซีอีโอ 7 ใน 10 คน (73%) เชื่อว่าความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังก่อให้เกิดความกังวลต่อการโจมตีทางไซเบอร์ขององค์กรด้วย.