เฟซบุ๊ก หรือเมตา (Meta) ในปัจจุบัน เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาล่าสุดเกิดขึ้นจากการรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่สองปี 2022 เมื่อรายได้ของเมตาลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ แม้ตัวเลขจะน้อยนิด แต่ก็ถือเป็นการที่รายได้ของเมตาหดตัวเป็นครั้งแรก

การรายงานผลประกอบการของเมตา ประจำไตรมาสที่สองของปี 2022 มีเรื่องน่าเป็นห่วงเล็กน้อย เมื่อรายได้ของเมตาลดลงเป็นจำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายได้อยู่ที่ 2.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิลดลง 36 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับ 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

แน่นอนว่า สัญญาณดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ดีนักสำหรับเมตา เพราะถือเป็นการลดลงของรายได้เป็นครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมา เมตามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำว่า ธุรกิจภายใต้แบรนด์เมตากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย โดยเฉพาะจากการที่ แอปเปิล (Apple) ใช้นโยบาย App Tracking Transparency ทำให้รายได้ของเมตาไม่เข้าเป้า

ที่น่าสนใจก็คือ มีการคาดการณ์ว่า การเติบโตในไตรมาสต่อไปของเมตาอาจไม่กระเตื้อง เนื่องจากมีสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีทางเศรษฐกิจพร้อมที่จะถาโถมเข้าใส่เมตาได้ทุกเมื่อ ซึ่งในส่วนนี้ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เตรียมใช้มาตรการรัดเข็มขัดรับมือกับภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

พร้อมกันนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับแผนก Reality Labs ซึ่งรับหน้าที่ดูแลโครงการเมตาเวิร์ส (Metaverse) ฝันใหญ่ของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยังคงขาดทุนต่อเนื่องที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี การขาดทุนในแผนก Reality Labs เป็นสิ่งที่ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัท คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว เพราะการสร้างโลกเมตาเวิร์ส ต้องการเวลาและเงินทุนมหาศาลสำหรับช่วงเริ่มต้น

...

ทางด้านบริการ Reels ซึ่งโคลนนิ่งจากติ๊กต่อก (TikTok) ในภาพรวมแม้ว่าเมตาจะลงทุนกับบริการนี้อย่างหนัก แต่ผลลัพธ์ในเชิงรายได้ยังไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่บริษัทก็ยังหวังว่า Reels จะยกระดับจนกลายเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ในอนาคต

แม้จะมีข่าวร้ายในหลายประเด็น แต่การรายงานผลประกอบการของเมตารอบนี้ยังพอมีข่าวดีให้ยิ้มออกอยู่บ้าง นั่นคือ ยอดผู้ใช้งานรายวันของเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 1.97 พันล้านบัญชี และในส่วนผู้ใช้งานที่เรียกว่า Family App อันประกอบไปด้วย เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, วอตส์แอป และเมสเซนเจอร์ มียอดผู้ใช้งานรายวันเติบโตขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวน 2.88 พันล้านบัญชี

ที่มา: Meta, CNBC