เมตา (Meta) เผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2022 พบว่ายอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ธุรกิจเมตาเวิร์ส (Metaverse) ขาดทุนเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพียงแต่ยังเป็นการขาดทุนที่อยู่ในการประเมินของบริษัท

เมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook), วอตส์แอป (WhatsApp) และอินสตาแกรม (Instagram) เผยผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2022 และถือเป็นการประกาศผลประกอบการในชื่อเมตาเป็นครั้งที่สอง หลังการรีแบรนด์เมื่อปีที่แล้ว

สิ่งที่น่าสนใจจากการประกาศผลประกอบการของเมตารอบนี้ มีหลายประเด็นทีเดียว เริ่มจากยอดผู้ใช้งานรายวันของเฟซบุ๊ก เมื่อไตรมาสที่แล้วลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี แต่ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.92 พันล้านราย มาเป็น 1.96 พันล้านราย

ประเด็นต่อมาเป็นเรื่องของเมตาเวิร์ส แน่นอนว่า ในมุมมองของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา ไม่ได้มองเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และวอตส์แอป เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทอีกต่อไป เนื่องจากเมตา กำลังปูถนนทุกสายมุ่งสู่เมตาเวิร์ส อย่างไรก็ดี ทั้งสามแอปพลิเคชันถือได้ว่า เป็นรากฐานอันแข็งแกร่งของบริษัท เพื่อให้มุ่งไปยังเมตาเวิร์สได้อย่างมั่นคง

ในไตรมาสแรกของปี 2022 เรียลลิตี แล็บส์ (Reality Labs) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจด้านเมตาเวิร์สของเมตา ขาดทุนในไตรมาสนี้ 2.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการขาดทุนนี้อยู่ในการประเมินของเมตาอยู่ก่อนแล้ว เพราะพวกเขาเคยคาดการณ์ว่า เรียลลิตี แล็บส์ จะยังคงขาดทุนไปเรื่อยๆ เนื่องจากการสร้างแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สต้องใช้เงินทุนสูงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า การทำกำไรจากเมตาเวิร์สจะไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าสู่ตลาด มีการปรับราคาต้นทุนของการพัฒนาอุปกรณ์ให้มีราคาที่ถูกลง เมื่อถึงเวลานั้น ธุรกิจเมตาเวิร์สก็พร้อมสร้างผลกำไรกลับมาให้บริษัท ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการวางรากฐานเพื่ออนาคตของบริษัท และคาดว่า ธุรกิจเมตาเวิร์สจะกลายเป็นธุรกิจที่น่าตื่นเต้นอย่างมากในปี 2030

...

ในเวลาเดียวกัน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้พูดถึงรายได้ของเฟซบุ๊กที่ไม่เข้าเป้าในไตรมาสนี้ แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้ไม่ถึงเป้าที่เมตาวางเอาไว้มาจากการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้เฟซบุ๊กถูกปิดกั้นการเข้าถึง

นอกจากนี้แล้ว Reels หนึ่งในฟีเจอร์ของแอปพลิเคชันอินสตาแกรม ซึ่งโคลนมาจากติ๊กต๊อก (TikTok) พบว่า มีทิศทางการเติบโตที่น่าสนใจ โดยในเวลานี้ ยอดผู้ใช้งานอินสตาแกรมเป็นจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ มาจากการใช้งาน Reels และคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานบนเฟซบุ๊ก

ที่มา: TechCrunch