ประเด็นของเมตาเวิร์ส (Metaverse) ไม่ได้ถูกพูดถึงเฉพาะฟากฝั่งซิลิคอน วัลเลย์ เท่านั้น เพราะเรื่องนี้ ก็เป็นสิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีจากแดนมังกร กำลังให้ความสนใจอยู่เช่นกัน
อันที่จริงในสายตาของบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีน ก็มีวิสัยทัศน์ที่ไม่ได้แตกต่างจากเฟซบุ๊ก เพียงแต่ความเคลื่อนไหวของบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีน ยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนมากนักเกี่ยวกับเมตาเวิร์ส
อ่านเพิ่มเติม: Metaverse 101 ทำไมยักษ์ใหญ่ไอที ถึงตื่นตัวจ้าละหวั่น
อาลีบาบา (Alibaba), เทนเซ็นต์ (Tencent) และ TikTok คือสามบริษัทที่ว่านั้น ในเรื่องของแนวทางการพัฒนาเมตาเวิร์สของทั้งสามบริษัท อาจเป็นไปคนละทิศละทาง เพราะถ้าว่ากันตามตรงแล้ว แกนหลักในธุรกิจของสามบริษัทก็ไม่ได้เหมือนกันนัก
...
อาลีบาบา อาจมีมุมมองในการพัฒนาเมตาเวิร์สในลักษณะที่มาส่งเสริมตลาดการค้า (Marketplace) จากเดิมที่ช็อปปิ้งผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน แต่การเข้าสู่เมตาเวิร์สของอาลีบาบา ก็จะเป็นการได้ทดลองสวมใส่สินค้า ทดลองใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนที่ลูกค้าจะกดชำระสินค้าในตะกร้า หรือแม้แต่การทำให้ร้านค้าที่มีหน้าร้านออนไลน์ กลายเป็นหน้าร้านจริง เพียงแต่เป็นโลกเสมือน ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
ขณะที่เทนเซ็นต์ ซึ่งเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตและผู้จัดจำหน่ายเกมชั้นนำของโลก ก็มีมุมมองการพัฒนาเมตาเวิร์ส ในลักษณะเดียวกันเกม Fortnite โดยการผนวกเอาโลกของเกมมาผสมผสานกับโลกของชีวิตจริง เสริมสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับเกมเมอร์ และเราก็อาจได้เห็นการนำเกม Honor of Kings หรือก็คือ RoV ฉบับภาษาจีนมาต่อยอดในรูปแบบของเมตาเวิร์สก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน เรายังต้องไม่ลืมว่า เทนเซ็นต์ เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มการชำระเงินอย่าง WeChat ในจุดนี้ เทนเซ็นต์สามารถที่จะผนวกเอาการชำระสินค้าในชีวิตจริง หลอมรวมเข้ากับการชำระสินค้าในโลกเมตาเวิร์ส ซึ่งในอีกด้านหนึ่ง WeChat ก็เป็นแพลตฟอร์มสำหรับแชต ก็อาจทำให้การสนทนากับเพื่อนของเราในยุคหน้า จะไม่ได้เป็นการสนทนาในลักษณะของวิดีโอคอล แต่เป็นการสนทนาแบบ 3 มิติ ผ่านโลกของเมตาเวิร์ส
รายงานของสำนักข่าวเซาธ์ไชนา มอร์นิง โพสต์ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ได้มีการจดเครื่องหมายการค้าเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่าง ในรายของอาลีบาบา มีการจดเครื่องหมายการค้าของคำว่า Ali Metaverse, Taobao Metaverse และ DingDing Metaverse
ไม่เว้นแม้แต่เทนเซ็นต์ ที่มีการขยับขยายเรื่องนี้เอาไว้แล้วอย่างไม่น้อยหน้าอาลีบาบา โดยมีการจดเครื่องหมายการค้าคำว่า QQ Metaverse, QQ Music Metaverse และ Kings Metaverse
ตรงนี้น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะในด้านหนึ่งเมตาเวิร์ส มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของเกม เรื่องของแฟชั่น หรือการซื้อสินค้าเท่านั้น แต่เมตาเวิร์ส มันเป็นโลกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตได้
จริงอยู่ว่า การจัดคอนเสิร์ตของโลกแห่งความเป็นจริง มันสามารถปลุกเร้าอารมณ์จากรูป รส กลิ่น และเสียง เพียงแต่ว่า การจัดคอนเสิร์ตในลักษณะของเมตาเวิร์ส มันมีโอกาสที่ผู้ชมจะมีโอกาสเข้าใกล้และได้สัมผัสกับศิลปินได้ง่ายกว่าการจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบเดิม
...
ขณะที่ในรายของ TikTok ซึ่งถือเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียที่กำลังร้อนแรง มีผู้ใช้งานต่อเดือนนับพันล้านคนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี VR อย่าง Pico Interactive ด้วยมูลค่าเกือบ 5 พันล้านหยวน
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ สามารถมองได้ว่า TikTok มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี VR และสอดคล้องกับเป้าหมายในอนาคตของบริษัท แต่ก็มองได้อีกมุมหนึ่งเช่นกันว่า นี่คือโอกาสในการใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ด้วยการเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม TikTok และเป็นการนำพาคอนเทนต์ของ TikTok ให้เข้าไปอยู่ในลักษณะของโลกเสมือนจริง หรือแม้แต่การขยายตัวเองไปสู่ธุรกิจเกม
ในท้ายที่สุดก็ไม่แน่ว่า TikTok อาจเป็นม้ามืดของโลกเมตาเวิร์สในประเทศจีนก็มีความเป็นไปได้
กล่าวในโดยสรุป เมตาเวิร์ส สัญชาติจีนก็ไม่ต่างเมตาเวิร์สในที่อื่นๆ โดยยังคงเป็นโลกจริงที่ซ้อนทับกับโลกเสมือน มีความเป็นสามมิติ ทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมและไอเท็มต่างๆ รอบตัว พร้อมกับมีอวตาร (Avatar) ในแบบตัวเอง
รายงานของ Bloomberg Intelligence พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่า โลกเมตาเวิร์ส จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2024
เมื่อประธานสี ไล่ล่าบริษัทไฮเทค
อย่างที่เราทราบกันดี ในเวลานี้รัฐบาลจีนกำลังอยู่ระหว่างการเก็บกวาด ทำความสะอาดบ้านเรือนของตัวเองยกใหญ่ โดยออกมาตรการคุมเข้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, อสังหาริมทรัพย์, โรงเรียนกวดวิชา ไปจนถึงอุตสาหกรรมการแพทย์
การจัดระเบียบอุตสาหกรรมใหญ่ในประเทศของจีนครั้งนี้บ้างก็ว่าเป็นนโยบายกระจายความมั่งคั่ง ลดอำนาจการผูกขาด และลดอิทธิพลที่มากเกินไป โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยี เนื่องจากพวกเขามีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน จนกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงอิทธิพล ทำให้รัฐบาลจีนต้องมีไม้เรียวออกมาขู่ให้ทุกบริษัทอยู่ในร่องในรอยตามกรอบของรัฐบาลจีนที่ได้วางเอาไว้
จนถึงตอนนี้ ผมยังเชื่อว่า การกวาดล้าง ควบคุมบริษัทเทคโนโลยีในจีน ยังไม่จบลง เพียงแต่การส่งสัญญาณไปยังบริษัทน้อยใหญ่ด้านเทคโนโลยีในประเทศจีน ครั้งต่อไปจะแรงแค่ไหน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่สุดจะคาดเดา เพียงแต่การดำเนินการของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นแล้วว่า เมื่อใครหน้าไหนก็ตามใหญ่เกินหน้ารัฐบาลจีน พวกเขาก็จะได้รับรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว พวกเขายังเล็กกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนวันยังค่ำ
...
ต้องคุมได้ภายใต้กำแพงเมืองจีน
แมทธิว คานเตอร์แมน นักวิเคราะห์อาวุโสของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนต์ ประเมินว่า ลูกค้าชาวจีนมีมุมมองในแง่บวกต่อเมตาเวิร์ส และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้ จึงมีโอกาสอย่างยิ่งที่จะได้เห็นแบรนด์ต่างๆ เข้ามาสร้างรายได้จากโลกที่ว่านี้
อเล็กซ์ ซู อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Leyou บริษัทเกมชั้นนำในจีน ที่เคยฝากผลงานเกม Samurai Shodown ก่อนที่จะขายบริษัทไปให้กับเทนเซ็นต์ เป็นจำนวน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมุ่งตามหาความฝันในการสร้างเมตาเวิร์ส กล่าวว่า ในแง่ความเป็นจริง ผู้คนจำนวนมากยังไม่แน่ใจว่า แก่นแท้ของเมตาเวิร์ส คืออะไร และหลายบริษัทที่กำลังให้ความสนใจในเมตาเวิร์สตอนนี้ กำลังใช้เงินเดิมพันกับอนาคตอยู่
เขายังเน้นย้ำด้วยว่า บางสิ่งสามารถย้ายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกเมตาเวิร์สได้ แต่บางสิ่งก็ไม่สามารถทำได้ ความพยายามยัดเยียดเอาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงไปใส่ในโลกเสมือน ลงท้ายแล้วก็อาจทำให้เมตาเวิร์สกลายเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีความสุขมากนัก
...
อย่างไรก็ตาม การสร้างเมตาเวิร์สในจีนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกมในเวลานี้ กำลังถูกรัฐบาลจีนเข้มงวดจากการเพิ่มกฎระเบียบข้อบังคับจำนวนมาก ซึ่งมีวัตถุประสงค์ด้านหนึ่งเพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนติดเกม หรือที่รัฐบาลจีนเรียกว่า ฝิ่นอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการกวาดล้างเนื้อหาที่รัฐบาลจีนเห็นควรว่า ไม่เหมาะสม
คำว่า "ไม่เหมาะสม" เป็นคำที่กำกวมตีความได้ยาก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว มันก็จะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้มีอำนาจในรัฐบาลจีน ที่จะเป็นฝ่ายกำหนดบทบาทและกฎเกณฑ์ว่า สิ่งใดเหมาะสม และสิ่งใดไม่เหมาะสม ซึ่งโอกาสที่โลกเมตาเวิร์สในจีนจะมีเนื้อหาที่รัฐบาลจีนมองว่า ไม่เหมาะสม ย่อมต้องมีอย่างแน่นอน
นอกจากนี้แล้ว จากการที่จีนมีลักษณะที่เป็นประเทศค่อนข้างปิด จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยเมตาเวิร์สของจีนจะออกไปสู่เวทีโลก (ซึ่งจีนก็คงมองว่าไม่จำเป็นด้วยจากการที่มีประชากรเยอะและเป็นตลาดใหญ่) อย่างดีที่สุด ก็คือการสร้างเซิร์ฟเวอร์เฉพาะให้กับคนต่างชาติ แต่ก็จะตามมาด้วยคำถามเดิมๆ อีกเช่นกันว่า ข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานจะถูกบันทึกและส่งกลับไปยังประเทศจีนแผ่นดินใหญ่หรือไม่
ขณะที่รายงานของ Securities Times ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีน ออกมากล่าวเตือนถึงโลกเมตาเวิร์สเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า เมตาเวิร์ส คือการลงทุนอันยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยภาพลวงตา และพวกเขาก็จะถูกเผาในท้ายที่สุด
นั่นแสดงให้เห็นว่า มุมมองที่รัฐบาลจีนมีต่อเมตาเวิร์ส เป็นไปลักษณะใด
อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่า รัฐบาลจีนพร้อมที่จะเปิดกว้างให้กับโลกของเมตาเวิร์ส เพียงแต่โลกเมตาเวิร์สของจีน จะไม่เหมือนกับเมตาเวิร์สในที่อื่นๆ
เนื่องจากเมตาเวิร์สในดินแดนพญามังกร ต้องเป็นจักรวาลที่รัฐบาลจีนสามารถควบคุมกลไกการจับจ่ายและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยไม่มีคอนเทนต์ที่รัฐบาลจีนเห็นว่า ละเอียดอ่อนหลุดเล็ดลอดออกมา รวมไปถึงการมีมาตรการสอดส่องเพื่อควบคุมความประพฤติของประชากรในโลกเมตาเวิร์สจากระยะไกล และให้ทุกคนอยู่ในกรอบ ในร่องในรอย ไม่มีใครแหลมหลุดออกจากกรอบที่ว่านี้
ถ้าควบคุมได้เหมือนกับที่เคยทำกับ Great Firewall รัฐบาลจีนก็พร้อมที่จะเปิดใจรับกับเทคโนโลยีน้องใหม่ที่ว่านี้.
ที่มา: SCMP [1] [2], The Guardian