ในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด หลายๆ แบรนด์ดาหน้าแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนจากค่ายประเทศจีนหลายแบรนด์ที่ปักหลักสู้กันอย่างเผ็ดร้อน

ดูเหมือนว่าตลาดจะกระตุ้นความต้องการของผู้ใช้ให้เปลี่ยนหรืออัปเกรดเครื่องใหม่กัน ราวกับเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคกันเลยทีเดียว หลายๆแบรนด์ได้แบ่งแยกเซ็กเมนต์ในตลาดทยอยออกสมาร์ทโฟนใหม่แทบจะทุกสัปดาห์กันเลยทีเดียว

แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกแบรนด์หยิบยกขึ้นมาก็คือจุดเด่นของเทคโนโลยีและคุณสมบัติใหม่ๆที่นำมาเป็นจุดขายและเป็นข้อได้เปรียบทางการตลาด...จึงขอย้อนรอยในรอบปี 2562 ที่ผ่านมาว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

Foldable Phone สมาร์ทโฟนจอพับ

ในรอบปี 2562 นี้สมาร์ทโฟนจอพับนับเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกเสียง “ว้าว” ถึงเวลาของเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถพับหน้าจอได้กันแล้ว แนวคิดหลักสามารถเป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในตัวเครื่องเดียวกัน ค่ายซัมซุงเป็นรายแรกที่นำ Samsung Galaxy Fold วางตลาดเป็นที่เรียบร้อยด้วยสนนราคาเครื่องละ 69,900 บาท ได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างล้นหลามเพียงแค่ประกาศให้จองเพียงเวลาสั้นๆ ก็ประกาศปิดรับจอง

...

ดีไซน์หน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 7.3 นิ้ว ที่สามารถพับให้มีขนาดกะทัดรัดและมีฝาครอบหน้าจอ โดยจอเดี่ยวด้านนอกหลังพับเครื่องอยู่ที่ 4.6 นิ้ว และกล้องถ่ายรูปมากถึง 6 ตัวในเครื่องเดียว กล้องด้านหลัง 3 ตัว, กล้องหน้าจอ 2 ตัว และกล้องหน้าจอคัฟเวอร์ 1 ตัว ทั้งยังอัดแน่นด้วยหน่วยประมวลผล Octa-core Processor 7nm 64-bit และแรม 12GB ทำให้สามารถทำงานหลายอย่างได้พร้อมกัน ตั้งแต่การเล่นเกม สตรีมดูวิดีโอ หรือแม้แต่การส่งข้อความ และไลฟ์บนมือถือ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพื้นที่จัดเก็บภายในขนาด 512GB ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการเก็บแอปพลิเคชันและความบันเทิง

ตามด้วย Huawei Mate X หลังจากประกาศเลื่อนกำหนดวางจำหน่ายไปหลายรอบก็ได้ฤกษ์วางตลาดในประเทศจีนเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา สนนราคา 16,999 หยวน ประมาณ 73,400 บาท ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเช่นกัน เป็นสมาร์ทโฟนที่มีวิธีการพับแตกต่างจากซัมซุงอย่างสิ้นเชิง เมื่อกลางจอขนาด 8 นิ้ว เมื่อพับหน้าจอจะเหลือ 6.6 นิ้ว บางเพียง 5.4 มิลลิเมตร และหนา 11 มิลลิเมตร เมื่อพับเครื่อง ทั้งยังรองรับ 5G ใช้ชิปเซตประมวลผล Kirin 980 แรม 8 GB มีความจุภายในเครื่อง 512GB นอกจากนี้ Huawei Mate X ยังมาพร้อมเทคโนโลยี 55W SuperCharge ชาร์จแบตเตอรี่ 4,500 มิลลิแอมป์ ได้ถึง 85% ภายใน 30 นาที

ขณะเดียวกันยังมีออกหลายแบรนด์ที่เป็นข่าวว่าเตรียมพร้อมที่จะบุกตลาด ในปีหน้าเราคงได้เห็นสมาร์ทโฟนจอพับได้หลากหลายแบรนด์พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆมานำเสนอกัน

เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย 5G

5G เป็นเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายใหม่ที่จะมาทดแทน 4G ทั้งๆที่เครือข่าย 4G ที่เราใช้กันในปัจจุบันก็มีความล้ำสมัยความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลทำได้ในพริบตาดังที่เราใช้งานกันเป็นประจำ แต่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นไปอีก ในปีนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลายประเทศได้เริ่มเปิดให้บริการ 5G กันแล้ว เลยเห็นสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์เริ่มแนะนำสู่ตลาดกัน

เทคโนโลยี 5G ไม่เพียงแต่จะสื่อสารสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) เช่น รถยนต์ไร้คนขับ การรักษาด้วยการผ่าตัดระยะไกล เป็นต้น

เปรียบเทียบง่ายๆ สามารถสั่งงานและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆแทบจะทันที เพราะมีความหน่วงที่ต่ำตอบสนองได้เร็วถึง 1 ส่วนพันวินาที เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า สามารถดูวิดีโอความคมชัดสูงขนาด 8K ออนไลน์ได้ หรือดาวน์โหลดภาพยนตร์ 3 มิติได้ด้วยเวลาเพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้น

...

ประโยชน์ของเครือข่ายไร้สาย 5G เรียกง่ายๆ จะนำพามนุษย์เราเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง

สำหรับในประเทศไทยเรา ทางสำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้กำหนดเวลาให้เอกชนเข้าร่วมประมูลในปีหน้าไว้แล้ว ซึ่งเป็นที่ชัดกันว่าในปีหน้าเราจะได้ใช้เทคโนโลยี 5G อย่างแน่นอน แต่จะต้องลงทุนเปลี่ยนสมาร์ทโฟนใหม่ที่รองรับการใช้งาน 5G ก่อน

กล้องถ่ายรูป 5 ตัว

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดและเป็นจุดขายของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์กัน ในปีนี้เราได้เห็นบางแบรนด์ใส่กล้องมาถึง 5 ตัว ทำไมถึงใส่มากันมากมายถึงขนาดนี้ เพราะกล้องสมาร์ทโฟนโดยส่วนมากจะเป็นกล้องขนาดเล็กที่มีระยะในการโฟกัสภาพที่จำกัด ไม่สามารถซูมภาพได้เหมือนกับกล้องดิจิทัล ดังนั้นผู้ผลิตเลือกที่จะติดตั้งกล้องเพิ่มเพื่อใส่เลนส์ระยะต่างๆเข้าไป เช่น การใส่ภาพเลนส์มุมกว้าง, การใส่ภาพเลนส์ซูม หรือการใส่ภาพเลนส์ Macro เพื่อช่วยถ่ายภาพระยะใกล้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มือถือในปัจจุบันมีกล้องมากกว่าหนึ่งตัว

แต่การมีกล้องหลายตัวคงไม่ใช่สูตรสำเร็จว่าจะดีกว่ากล้องน้อยตัวกว่าเพราะหลายค่ายได้ นำ Computational Photography นั่นคือการนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยประมวลผล และนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์มาใช้ที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างชาญฉลาดและจดจำข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น ทำหน้าที่จดจำและเรียนรู้ในการถ่ายภาพ ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วในการถ่ายรูปผ่านแอปพลิเคชัน

...

รวมทั้ง iPhone 11 Pro Max รุ่นล่าสุดด้วยพลังของชิป A13 Bionic มาช่วยในหลายแง่มุมโดยเฉพาะเรื่องการประมวลผลด้าน AR ที่เดิมทีก็ทำได้ดีกว่าคู่แข่งอยู่แล้วก็ล้ำยิ่งขึ้นไปอีก ทำได้แม่นยำในระดับที่สามารถเอามาเล่นเกมหรือแม้แต่ใช้ในด้านการศึกษาและงานวิศวกรรม ได้สบายๆ

รวมทั้งการ นำมาใช้ประมวลผลกล้องแต่ละตัวให้โดดเด่น โดยเฉพาะการจูนสีของกล้อง และปรับองศาของกล้องแต่ละตัวให้ใกล้เคียงกัน ช่วยประมวลผลเรียลไทม์ ได้ดีขึ้น สามารถซูมเสียงในการถ่ายวิดีโอได้ มีการประมวลผลให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นอย่าง Night Mode และที่สำคัญก็คือการจูนสีและการสลับเลนแต่ละตัวมีความใกล้เคียงกันมาก ทำให้การถ่ายรูปหรือคลิปมีความแนบเนียนและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

ในปีนี้เรายังได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซลเป็นครั้งแรก ในแบรนด์ Xiaomi เปิดตัว Mi Note 10 มีกล้องถึง 5 ตัว เลนส์ไวด์ ความละเอียด 108 ฟิกเซล เลนส์เทเล ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและ 12 ล้านพิกเซล เลนส์อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซลและเลนส์มาโคร กล้องสามารถซูมได้จากระยะ 0.6 ถึง 50 เท่า

...

การป้องกันความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น

ในด้านการป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนับเป็นงานหนึ่งที่บรรดาผู้ผลิตมองเห็นความสำคัญและพัฒนาการป้องกันความเป็นส่วนตัวให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาผู้ใช้งานได้รับรู้ว่าข้อมูลของตนในโซเชียลมีเดียและในบริษัทโฆษณาซึ่งอาจนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างได้ จึงมีความตื่นตัวและความต้องการที่จะป้องกันความเป็นส่วนตัวของตนเองมากขึ้น

ที่ผ่านมาทุกแบรนด์ได้ให้ความสำคัญด้านนี้กันโดยคุณสมบัติการสแกนนิ้วมือผ่านหน้าจอหรือหลังจอ หรือจะเป็นสแกนใบหน้ากลายเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของแต่ละแบรนด์ไปแล้ว

สำหรับ “แอปเปิล” ดูเหมือนจะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มาตลอดเวลา ตั้งแต่การเริ่มต้นแนะนำการสแกนนิ้ว สแกนใบหน้าผ่านอุปกรณ์แอปเปิลไปจนถึงขั้นตอนการใช้แอปพลิเคชัน โดยแอปการตั้งค่าได้ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมข้อมูลของตัวเอง และยังสามารถปรับเปลี่ยนว่าต้องการแชร์ข้อมูลอะไร แชร์ที่ไหน และสำรองข้อมูลเมื่อไหร่ได้อีกด้วย

ในปีนี้ “แอปเปิล” ได้แนะนำ Sign in with Apple หรือ “ลงชื่อเข้าด้วย Apple” ผ่านระบบปฏิบัติการ iOS 13 โดยผู้ใช้อุปกรณ์แอปเปิลจะต้องอัปเกรดให้เป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดเพื่อตอกย้ำความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ที่ผ่านมาเราคุ้นเคยกับการล็อกอินจาก Facebook Login, Google Login หรือ LINE Login สามารถสมัครในเว็บไซต์หรือโซเชียลต่างๆผ่านล็อกอินดังกล่าวได้เลย

โดย Sign in with Apple ก็เช่นกัน แต่จะช่วยให้เราสร้างบัญชีสำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์และบนแอปต่างๆได้เหมือนกับบริการจากรายอื่นๆ แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างขึ้นมาคือ เลือกได้ว่าจะแชร์ข้อมูลอะไรบ้าง ข้อมูลที่ถูกนำไปใช้นั้นจะมีเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เลือกได้ว่าจะใช้อีเมลจริงในการสมัครไปเลย หรือเลือกที่จะซ่อนอีเมลจริงไว้ โดยที่แอปเปิลจะสร้างอีเมลจำลองแทน นับเป็นแนวทางใหม่ในการสร้างบัญชีสำหรับผู้ใช้งานบนแอปที่เร็วและปลอดภัยที่สุด

ต่อไปหากจะลงชื่อเข้าใช้หรือสมัครแอปหลายๆแอปหรือหลายๆเว็บให้ลงชื่อ Sign in with Apple เพียงทางเดียวก็สามารถใช้งานแบบอุ่นใจได้

ในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา ทางทีมงาน “ไซเบอร์เน็ต” ขอกราบสวัสดีปีใหม่แด่ท่านผู้อ่าน สิ่งที่ไม่ดีทิ้งไว้ปีเก่า ยิ้มรับสิ่งใหม่ๆกับปีใหม่ ขอให้มีสุขภาพที่ดี กำลังใจที่ดีและมีความสุขมากๆ.

เช็คราคาก่อนช้อป ทุกครั้ง คลิก >>> http://compare-price.thairath.co.th/s/Samsung+Galaxy+Fold/?view=list?utm_source=thairath&utm_medium=article&utm_content=biggo