หลังจากทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ (โอเอส) iPadOS ซึ่งเป็นโอเอสสำหรับเครื่อง iPad โดยเฉพาะในงาน WWDC 19 เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา “แอปเปิล” ได้เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานเรียบร้อยแล้ว

เป็นโอเอสที่มีความสามารถใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติที่ใช้งานง่าย ซึ่งมีเฉพาะในจอภาพขนาดใหญ่ และความอเนกประสงค์ของ iPad โดย iPadOS มาพร้อมวิธีใหม่ๆในการทำงานกับแอปพลิเคชันในหลายหน้าต่าง พร้อมด้วยอีกหลายวิธีที่เป็นธรรมชาติในการใช้งาน Apple Pencil

นอกจากนี้ยังมีโหมดมืด หรือ “ดาร์กโหมด” ใหม่ รวมถึงวิธีง่ายๆในการลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ที่จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวด้วยคุณสมบัติ “ลงชื่อเข้าด้วย Apples หรือ Sign in with Appkle” รวมถึงเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับปรับแต่งและดูรูปภาพ

หน้าจอโฮมใหม่ได้รับการปรับโฉมด้วยเลย์เอาต์แบบใหม่ที่แสดงแอปในแต่ละหน้าได้มากขึ้นและยังเพิ่มมุมมอง “วันนี้” ลงในหน้าจอโฮมได้แล้วด้วย ทำให้สามารถเข้าถึง “วิดเจ็ต” เพื่อดูข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่เหลือบมอง ไม่ว่าจะเป็นพาดหัวข่าว สภาพอากาศ ปฏิทิน กิจกรรม เคล็ดลับ และอีกมากมาย

คุณสมบัติของ Split View และ Slide Over ผู้ใช้ iPad สามารถทำงานกับไฟล์และเอกสารหลายชิ้นจากแอปเดียวกันพร้อมกันได้แล้วด้วย Split View ที่อัปเดตใหม่ หรือจะเปิดดูและสลับไปมาระหว่างแอปต่างๆ ก็ทำได้อย่างรวดเร็วใน Slide Over ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถเขียนอีเมลในขณะที่ดูอีเมลอีกฉบับควบคู่กัน หรือใช้งานแอปหลายแอปอย่างข้อความ หรือปฏิทินได้เพียงแค่ปัด อีกทั้งยังมี App Exposé ที่จะแสดงเฉพาะหน้าต่างที่เปิดอยู่ของแอปนั้นให้ดูอย่างรวดเร็วเพียงแค่แตะง่ายๆ

...

การใช้งาน Apple Pencil ได้หลากหลายวิธียิ่งขึ้น iPadOS เปิดทางให้สามารถทำเครื่องหมายแล้วส่งเว็บเพจทั้งหน้า เอกสาร หรืออีเมลบน iPad ได้แล้ว เพียงแค่ปัด Apple Pencil ขึ้นมาจากมุมล่างของหน้าจอ Apple Pencil ยังให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เพราะความหน่วงจนเหลือต่ำเพียง 9 มิลลิวินาทีเท่านั้น

รวมทั้ง แอปไฟล์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น นี่ช่วยให้เข้าถึงและจัดการเอกสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว รองรับไดรฟ์ภายนอกอีกด้วย ผู้ใช้จึงสามารถเสียบไดรฟ์ USB หรือการ์ด SD ได้ง่ายๆ หรือแม้แต่ล็อกอินเข้าเซิร์ฟเวอร์ไฟล์ SMB ทั้งหมดนี้ทำได้ทันทีในแอปไฟล์

นอกจากนี้ยังได้อัปเดต iOS 13.1 สำหรับ iPhone เพื่อแก้ไข Bug และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ AirDrop ด้วย รองรับการทำงานของ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่เตรียมขายในบ้านเรา วันที่ 18 ต.ค.ที่จะถึงนี้.

หนุ่มดิจิทัล
cybernet@thairath.co.th