ต้องบอกเลยว่า วิวัฒนาการของโลกปัจจุบันนี้เติบโตอย่างรวดเร็วมาก การทำร้านค้าออนไลน์มีเยอะมากขึ้นแทบทุกวัน เพราะใครๆ ก็หันมามีธุรกิจของตัวเองกันหมด

แต่เมื่อถึงคร่าวขายดิบขายดีกันแล้ว บ้างก็เกิดความงงในตัวบัญชี จัดส่งของผิดไปบ้าง วันนี้ตัวช่วยของพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์มาแล้วค่ะ เรามาทำความรู้จักกับผู้ช่วยกันดีกว่า เพราะวันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO ของ My Cloud Fulfillment ผู้อยู่เบื้องหลังร้านค้าออนไลน์ทั้งหลาย จนวันหนึ่ง หนึ่งในร้านเหล่านั้นสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 1,000 ล้านบาทใน 1 ปี

“My Cloud Fulfillment” เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

เริ่มมาจากการที่ผมมีธุรกิจส่วนตัว และสินค้าของเราขายดีมาก แต่เราเจอปัญหา คือการทำงานกันไม่ทัน และมีการผิดพลาดเยอะมาก เราเลยทำระบบหลังร้านอันหนึ่งขึ้นมา ที่สามารถนำทุกฝ่ายมาเชื่อมกันและทำเป็นสเตป เมื่อสินค้าถึงสเตปไหนเราก็สามารถรู้และเช็กได้ และสามารถให้ลูกค้าเช็กได้ด้วยว่าของถึงไหนแล้ว ด้วยเรามีไอเดียแบบนี้ และอยากให้งานมันง่ายขึ้น ปัญหาคือเราไปตั้งใจทำมันมาก ลงทุนระบบหลังร้าน ซึ่งระหว่างที่เรากำลังทำไป มันใช้เวลาค่อนข้างนาน เกือบปี และพอมันเสร็จเรากลับเจอปัญหาว่าของเราไม่ได้ขายดีขนาดนั้นแล้ว เรามัวแต่ไปโฟกัสเรื่องระบบ เพราะเราเป็นผู้ชายก็อยากให้งานมันออกมาเนี้ยบ แต่มันทำให้เราเห็นว่า แม้ออร์เดอร์เราไม่เยอะ แต่มีคนชอบนะ เพราะมีคนมาถามเราว่าทำหลังร้านยังไงให้มันได้อย่างนี้ สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นเลยคือมีเพื่อนคนหนึ่งขายแว่นกันแดดจากจีน มาขอระบบ เราก็เอาให้เขาใช้บางส่วน และเราก็นำพนักงานของเราที่มีอยู่ในบริษัทเก่าของเราช่วยแพ็กของให้ ทำแรกๆ คือทำเล่นเลยครับ ทำให้เพื่อน แต่เขาชอบ และเขาสามารถเติบโตได้ นั่นแสดงว่าเราเก่ง เพราะมันมีคนที่ขายดีเต็มไปหมด แต่ไปต่อไม่ได้ แต่เราคือขายไม่ดีแต่สามารถช่วยให้คนอื่นไปต่อได้แบบยาวๆ เราก็เลยคิดว่าเราจะเอาตัวนี้มาทำเป็นหลัก

...

My Cloud Fulfillment คืออะไร

เราคือคลังสินค้าครบวงจรสำหรับร้านค้าออนไลน์ ฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เราทำจะช่วยให้เขาจัดการได้ง่ายๆ และก็สามารถเติบโตได้ สิ่งที่เราทำคือ ช่วยตั้งแต่เก็บของ แพ็กของ ส่งของ รวมถึงบริการหลังการขาย เอาของคืนมา ส่งของให้หน้าร้าน ไปนับสต๊อกหน้าร้าน ไปช่วยเปิดบูธให้คือสิ่งที่เราทำ ระบบของเรานอกจากจะอำนวยความสะดวกแล้ว เรายังสามารถเก็บข้อมูลที่ทำมาทั้งหมดได้ ว่าลูกค้าสั่งอะไรไป เป็นอย่างไร หลักๆ คือเจ้าของร้านนำสินค้ามาเก็บไว้ที่คลังของเรา เราจะมีระบบให้ใช้ โดยตัวระบบสามารถสั่งงานเราได้ เช่น ออร์เดอร์ A ชื่อ ที่อยู่ จัดส่ง สั่งมาก่อน 08.00 น. เราก็จะจัดส่งของให้ภายในวันนี้เลย เริ่มต้นที่ออร์เดอร์ละ 15 บาท และค่าเก็บสินค้าอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 800 บาท/เดือน ซึ่งจะจ่ายตามการใช้งานจริง

การตลาดที่ทำให้คนรู้จักและสนใจ

Facebook อย่างเดียวเลยครับ เชื่อไหมว่าลูกค้าของเราทั้งหมด 100% มาจากทาง Facebook หมดเลย เราตั้งใจทำมากๆ ตั้งแต่ตอนแรกที่เปิดมาและยังไม่มีหลังร้านเต็มที่ เราทำ Facebook แล้วเป็นกราฟิก เป็นตัวการ์ตูน ที่บอกค่าแพ็ก ค่าส่ง การเก็บของ และก็มีคนสนใจ ยิงโฆษณาไปให้คนมาใช้ เพราะว่าจริงๆ แล้วคนที่ขายของออนไลน์มีเยอะมากในระดับหนึ่ง ซึ่งทุกคนก็ใช้ Facebook อยู่แล้ว แต่ว่าเราไปขอทุนจากรัฐบาลนะครับ

เช่นตอนนี้เราอยู่ในจุดที่เรียกว่า แปลงเทคโนโลยีเป็นทุนของกรมนวัตกรรมแห่งชาตินะครับ ก็ได้เงินสนับสนุนมาหลักเป็นล้านเหมือนกัน ต้องพูดเลยว่ารัฐบาลตอนนี้ Support Start up เมืองไทยมากๆ ถ้าใครมีไอเดียก็ไปขอได้

ส่วนการใช้งาน ระบบก็จะมีหลากหลาย สามารถเปิดดูได้เลย เราจะเป็นเว็บไซต์หลักล็อกอินเข้าไปดูได้เลย หน้าตาก็จะมีให้ดูสต๊อก ดูออร์เดอร์ว่ามีของเท่าไร เหลือเท่าไร

...

มีคู่แข่งไหม 

มีครับ แตกต่างคือเหมือนช่วงแรกๆ ที่เราทำมาค่อนข้างแปลกใหม่ จากที่เราไปชนะรางวัลมาหลังจากนั้นก็มีคนมาทำอีกประมาณ 10 กว่าเจ้าอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งคู่แข่งมาแนวตัดราคาหมด แต่เรามี service ที่ลูกค้าอยากให้ทำอะไรเราทำให้หมดเลย สิ่งที่เราทำไม่ใช่แค่เราตามใจแต่เรามี service ที่กว้าง เช่นของคนอื่นจะเป็นแพ็กของส่งออนไลน์ ของเราไปเปิดบูธให้ เราไปเข้าห้างหน้าร้านให้ เราไปส่งของตัวแทนให้ เราไปรับของคืนให้ คือเราทำ service ที่มันเป็นโลจิสติกส์มากขึ้น ฉะนั้นแล้วสิ่งที่จะมีหลักๆ อยู่ 2 อย่าง คือ 1. ตามใจลูกค้า 2. เราทำ service โลจิสติกส์ที่ค่อนข้างหลากหลาย เพราะเรามีประสบการณ์ด้านนี้มากว่า 30 ปี อันนี้ก็จะแตกต่างจากอันแรกที่เป็นจิวเวลรี่เราไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย อันนี้ที่บ้านผมทำด้าน warehouse อยู่แล้ว เราก็เลยมีคนที่แบบเป็น ทำได้อยู่แล้วก็เลยทำได้มากกว่า

ประสบปัญหาด้านไหนบ้าง

ถ้าพูดตรงๆ เลย คือแทบไม่ค่อยเจอ ไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็แค่ปัญหาจุกจิก อันนี้เหมือนค่อยๆ สร้างมา ค่อยๆ เติบโตขึ้น เรากำไรตั้งแต่ปีแรกครับ กำไรไปเรื่อยๆ เลย ก็ไม่มีปัญหาอะไร มันกลายเป็นว่าเราไม่ได้เจอโจทย์ที่ยากเลย ก็เลยไม่ค่อยเจอปัญหาเท่าไร

...

การแบ่งงานบริการ

งานบริการของเราแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ 1. การเก็บของ เรามีคลังเก็บของให้
2. การแพ็ก อยู่ที่ว่าเขาอยากให้แพ็กแบบไหน เราก็แพ็กให้ ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไป
3. การส่งสินค้า ซึ่งการส่งมีหลากหลายมาก ไปรษณีย์ เมสเซนเจอร์ เคอรี่ เก็บเงินปลายทาง ส่งเข้าห้าง ลูกค้ามารับ เก็บ แพ็ก และส่งขึ้นอยู่ที่ลูกค้าจะเลือกว่าต้องการแบบไหน สำคัญที่สุดลูกค้าที่มาหาเราจะไม่ใช่คนที่ถึงแม้ว่าขายของ 500 ออร์เดอร์ต่อเดือน ทาง Facebook อย่างเดียวเพราะเขาจัดการเองได้ แต่ถ้าเกิดว่าเราเริ่มมีลูกค้าหลากหลายช่องทางเช่น Facebook ลาซาด้า เปิดบูธ หรืออื่นๆ เจ้าของเข้าใจหมดแต่ลูกน้องไม่รู้เรื่องหรอก ว่าแต่ละช่องทางมันมีกฎไม่เหมือนกัน ถ้าทำคนเดียว คนที่งงที่สุดคือคนที่เป็นแอดมิน ซึ่งเรามาเป็นสต๊อกของเขาแค่คลังเดียวเราสามารถเก็บสินค้าของพวกเขาได้เป็นอย่างดี โดยที่โยนทั้งหมดมาให้เรา ผ่านเพียงแค่ระบบเดียว มันเหมือนเป็นการช่วยเขายกภูเขาออกจากอกเลยครับ

คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ชนะรางวัล 

สิ่งที่ผมทำผมคิดว่าจุดแรกที่ผมเปิดมาคือผมรู้ปัญหา เรารู้ทุกอย่างในวันนี้คือเราอยากช่วยให้ SME สามารถเติบโตได้ และทุกวันนี้เราทำงานอย่างหนัก เพราะเราเชื่อว่าร้านบางร้านอาจจะใจเสีย และปิดร้านลงวันไหนก็ได้ อย่างที่ผมเคยเป็น จนกว่าเขาจะเจอคนที่เข้าไปช่วยเขา ทุกวันนี้เราทำงานเต็มที่ในทุกๆ วัน คือเรากำลังช่วยประเทศชาติอยู่ พวกเหล่านี้มันเลยทำให้เราชนะ เพราะเวลาเราพูด เราไม่ได้แค่มีฝันว่าอยากทำธุรกิจแต่เราอยากช่วยคนจริงๆ เพื่อให้เขาไปต่อได้ และรัฐบาลที่มานั่งตรงนี้ เขาก็ต้องการช่วย SME อยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ก็ตรงใจเขาเลย เพราะเขาก็อยากทำตรงนี้อยู่ และเราทำงานมาเกือบ 2 ปีแล้วครับ บางคนเก่งกว่าผมด้วย แต่พอเขาถามคำถามแล้วตอบไม่ได้ ที่เราทำทุกๆ วันเหมือนเราช่วยประเทศชาติอยู่

...

หลังจากคู่แข่งเข้ามาในตลาดเยอะขึ้น?

คู่แข่งมาเหมือนเราเลย เราไม่ใช่แค่ขายของ เราสร้างชุมชนคนขายของให้อยู่ด้วยกัน เรากำลังสร้างอันนี้อยู่ซึ่งจะทำยังไงให้ดีขึ้น เช่นเราจัด open house ในขนาดเดียวกันนั้นคือด้านของ marketing ในด้านของระบบเราทำงานหนักมากให้สามารถช่วยเขาได้จริงๆ warehouse ที่ดีคือต้องเป็น zero warehouse ของมาปุ๊บจ่ายปั๊บ

มองตลาด start up ในประเทศอย่างไร

ประเทศไทยเนี่ยเป็นประเทศที่แคบ มันเกิดยากอะครับ เพราะส่วนใหญ่ประเทศไทยยังไม่เปิดรับขนาดนั้น รัฐบาลเราก็ดีอยู่แต่ช้ากว่าต่างชาติเยอะ ถ้าเรามีไม่พอเดี๋ยวต่างชาติก็เข้ามา

แผนการในอนาคต

สำคัญสุดตอนนี้คือยอดขาย เพิ่มลูกค้า เพิ่มกำไรอีกเท่าตัวหนึ่ง ปีหน้าอยากเพิ่มได้อีก 3 เท่า ในเชิงของการขยายธุรกิจสิ่งที่สำคัญคือพาร์ตเนอร์ เราอยากทำให้คนไทยอยู่รอดได้ให้ได้มากที่สุด โดยที่เราจะเป็นคนที่ปกป้องเขา เพราะฉะนั้นเรื่องของระบบที่ดีก็จะเป็นเรื่องของระบบต่อไป ว่าทำอย่างไรให้เราสามารถช่วยวางแผน วางอนาคตของคุณได้

สุดท้ายนี้ สำหรับเราหลักๆ เราคือ warehouse E-commerce แต่อยากให้มองว่าเราไม่ใช่ warehouse เราเป็นเหมือนตัวเร่งการเติบโต ถ้าอยากเติบโต กำลังติดขัด ให้มาหาเรา เราอยากให้คนที่ทำงานไม่ว่าใคร ไม่อยากให้ทำงานที่ไม่ถนัด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าเยอะมาก และมีอีกหลายตัวช่วย ซึ่งทำคนเดียวอาจจะไม่สะดวก ไปใช้บริการที่ดีจะดีกว่า ทำให้เรามีเวลาสู้กับลูกค้า และหาลูกค้าใหม่ๆ ได้ ส่วนคนที่สนใจก็สามารถติดตามได้ที่ www.mycloudfulfillment.com

คุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO ของ My Cloud Fulfillment
คุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO ของ My Cloud Fulfillment
คุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO ของ My Cloud Fulfillment
คุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO ของ My Cloud Fulfillment