มีใครบ้างไม่รู้จัก ไมโครซอฟท์ บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1945 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจึงต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีนี้
วันนี้ไมโครซอฟท์ได้แต่งตั้งผู้นำคนใหม่แห่งประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์ในวงการไอทีกว่า 25 ปี ที่พร้อมจะพาบริษัทให้เดินก้าวผ่านยุคดิจิตอลไปได้ และผู้ที่ได้รับบทบาทให้เข้ามาสานต่อภารกิจ Digital Transformation ในประเทศไทย สู่ความสำเร็จคือ ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)
ไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านไปรู้จักผู้บริหารคนใหม่นี้ให้มากขึ้น รวมถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารให้ไมโครซอฟท์เดินหน้าสู่จุดมุ่งหมาย
ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว นายธนวัฒน์ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเอ็นเทอร์ไพรส์ของบริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีบทบาทดูแลธุรกิจบริการสำหรับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของบริษัทในไทย
...
จุดมุ่งหมายหลักของการดำเนินงานต่อจากนี้คือ การนำเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์มาช่วยขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรทุกขนาด ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงดำเนินงานให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากคนทุกกลุ่มทุกระดับ
สมัยก่อน มุมมองของบริษัทคือ การตอบสนองต่อผู้บริโภคด้วย Mobile First และ Cloud First แต่ผู้นำคนใหม่มองว่าสิ่งนี้ไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็น Intelligence Cloud และ Intelligence Edge เพื่อรองรับการใช้งานจากอุปกรณ์ปลายทางทุกชนิด โดยที่บริษัทตั้งใจจะผลักดันเรื่องไฮบริดคลาวด์ เพื่อให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับตัวสู่ดิจิตอลได้
สำหรับเรื่องของซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายนั้น เฉลี่ยแล้วมีอัตราลดลงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งอัตราการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายในประเทศไทยลดลงเหลือ 69 เปอร์เซ็นต์ จาก 72 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว ส่วนค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 39 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว 4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะแก้ไขโดยการขายซอฟต์แวร์ทางดิจิตอลดาวน์โหลดให้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเน้นปรับกลยุทธ์มุ่งให้บริการเป็นโซลูชั่นมากกว่าการขายไลเซนต์
ปีที่ผ่านมา บริษัทสร้างรายได้จากธุรกิจคลาวด์ เป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่าการบริหารจากตนเองในปีนี้ จะทำให้ธุรกิจคลาวด์เติบโตขึ้นไปสูงกว่าเดิมถึง 5-10 เท่า.