หนังสือถอดรหัสสัญลักษณ์ปริศนา (สำนักพิมพ์สารคดี พิมพ์ ครั้งที่ 2 พ.ศ.2562) เรื่องที่ 11 คดีแย่งเด็ก ใครหนอเป็นต้นคิด ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ค้นเรื่องเก่ามาเล่าสามเรื่อง

เรื่องแรก ในนิทานชาดกพระเจ้าสิบชาติ ชาติที่ 5 พระมโหสถ มีสองแม่อ้างเด็กหนึ่งเป็นลูก พระมโหสถให้แม่หนึ่งดึงขา อีกแม่หนึ่งดึงแขน แม่ไหนดึงไปได้ จะยกเด็กให้แม่นั้น

เรื่องจบ พระมโหสถตัดสินให้แม่ที่ยอมแพ้ ไม่ยอมให้เด็กถูกลากกระชากจนเจ็บตัว เป็นแม่ตัวจริงได้ลูกไป

เรื่องที่สองพระเจ้าโซโลมอน กษัตริย์ยิว จัดฉากเดียวกัน เห็นว่า คนไหนมีหัวใจแม่ ก็ตัดสินให้ชนะ

สองเรื่องนี้ เราอ่านกันจนเบื่อ ดร.บัญชาเจอเรื่องญี่ปุ่น ยอดคุณปู่ผู้พิพากษา แต่มีลูกล่อลูกชนสนุก กระตุกรอยยิ้มได้มากกว่า จึงย่อเรื่องเอามาให้อ่านกันต่อ

คดีแย่งลูกคดีนี้มีขึ้นที่เมืองเอโดะ สองแม่ลูกเพิ่งย้ายมาอยู่ จึงหาพยานยืนยันช่วยแม่คนไหนไม่ได้

ท่านโอโอกะยอดผู้พิพากษา เริ่มพิจารณาคดีในห้องใหญ่ ผู้อ้างแม่เด็กนั่งสองข้าง มีชาวบ้านแห่กันมาดูการพิจารคดีเต็มห้อง ท่านโอโอกะ สั่งให้อุ้มเด็กวางไว้กลางห้อง

ท่านก็คงหวังว่า เด็กคงจะใช้สัญชาตญาณลูก คลานไปหาแม่... สักคนหนึ่ง

แต่อนิจจา...ผิดคาด เด็กน้อยไม่ได้คลานไปหาแม่คนไหน แต่คลานไปหาท่านพิพากษา ทั้งยังร้องไห้จะให้อุ้ม

กองเชียร์ชาวบ้านเฮกันครืนใหญ่ ท่านผู้พิพากษาหูเปลี่ยนเป็นสีชมพูด้วยความขวยเขิน

อะโหน่! (สำนวน ดร.บัญชาครับ) คราวนี้ยอดคุณปู่ผู้พิพากษา

ต้องเปลี่ยนมุกใหม่ ใช้มุกพระมโหสถ สั่งให้สองแม่จับมือเด็กคนละข้าง ใครดึงได้ก็ได้ตัวเด็กไป เรื่องยังยุ่งต่อ สองแม่เวอร์ชันญี่ปุ่น ไม่ยักกะเล่นด้วย

ท่านโอโอกะถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยุดคิดสักครู่แล้วก็งัดท่าไม้ตาย

...

ท่านออกคำสั่งเสียงดัง ให้จ่าศาลไปซื้อตะเกียบไม้ไผ่ อ่างใส่ปลาทอง ไม้แผ่นเล็กสามแผ่น แว่นขยาย และของสุดท้าย ตำราหมอดู กองเชียร์ต้องปิดปากหัวเราะอยากรู้ ยอดคุณปู่ผู้พิพากษาสั่งซื้อของพวกนั้นมาทำไม?

ของได้มาพร้อม ยอดคุณปู่ผู้พิพากษาใช้ตะเกียบพลิกๆดู แล้วเริ่มนับจำนวนฟองน้ำในอ่างปลาทอง ยกไม้แผ่นเล็กมาแนบหูทำที ฟังเสียง

จากนั้นก็เปลี่ยนมาดูลายมือหญิงทั้งสอง สลับด้วยการเปิดตำราหมอดูประกอบการดูเป็นระยะๆ

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดท่านโอโอกะก็กล่าว “ข้าเห็น เหตุการณ์อนาคตชัดแล้ว”

“ข้าเห็นภาพเด็กคนนี้เมื่ออายุ 20 เขาจะเจออุบัติเหตุร้ายแรงถึงพิการ ทำอะไรไม่ได้ ผู้เป็นแม่ต้องเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทำงานในท้องไร่ท้องนาเพื่อหาเลี้ยง...”

กองเชียร์ทั้งห้องกลั้นใจฟัง ยอดคุณปู่ผู้พิพากษาจ้องหน้าสองผู้อ้างเป็นแม่ แล้วพูดเสียงดัง

“ผู้เป็นแม่ที่แท้จริง ตามที่ข้าเห็น... ก็คือ...”

ยอดคุณปู่ยังไม่ทันหลุดปากชื่อ แม่ตัวปลอมก็สารภาพ...อยากได้เด็กคนนี้ไว้เลี้ยงตัวเองเมื่อยามแก่เฒ่า...

คดีแย่งลูกคดีนี้ก็จบลง

ไม่ว่าต้นคิดคดีแย่งลูกเริ่มจากเรื่องไหน สาระของเรื่องยังอยู่ที่ หัวใจเปี่ยมเมตตากรุณาของแม่

พุทธศาสนาสอนว่า แม่คือพระอรหันต์ของลูก หากแม่ เอ้า! เหมารวมพ่อเข้าด้วยก็ได้ แสดงความรักลูก อุ้มชู สนับสนุนลูก แม่หรือพ่อนั้น ไม่ว่าในสายตาคนอื่นจะเป็นใคร แต่ในสายตาลูกคือพระอรหันต์

คิดมาถึงตรงนี้ เอาธรรมะเข้าข่ม ลดอคติทางการเมือง เรื่องพ่อกับลูก แม่ของลูก ลงบ้างจะได้ไหม?

มีหลายคนถามตาแก่อย่างผม การเมืองข้างหน้าเป็นไง? ผมตอบ... การเมืองตอนนี้จะถึงจุดดีที่สุด...พ่อที่เคยขึ้นชื่อว่าเก่งจริงๆพอกับกลัวกันว่าโกงจริงๆจะตัดความโกงลง เพราะมีลูกเป็นตัวประกัน

ผมจึงพลอยลมๆแล้งๆไปกับเจ้าสัวตลาดหุ้นเขาบ้าง หวังว่าเศรษฐกิจเมืองเราจะกระเตื้องขึ้น.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม