"หมอเหรียญทอง" จ่อนำตู้โทรศัพท์สาธารณะ ที่ได้รับบริจาคสร้าง "ห้องรมควัน" กักคนฝ่าฝืนสูบบุหรี่ใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ลั่นอย่าลองดี พูดจริงทำจริง
วันที่ 8 ก.ย. 67 มีรายงานว่า พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมจะนำ 'ตู้โทรศัพท์สาธารณะ' ที่ได้รับบริจาคเพื่อใช้งานตรวจคัดกรองโควิด-19 ในสถานการณ์โรคระบาดเมื่อปี 63-65 ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว หากทิ้งไว้ก็จะกลายเป็นเศษซากวัสดุไม่เกิดประโยชน์
ทั้งนี้ผมจะนำมาสร้างนวัตกรรมที่มีชื่อว่า 'ห้องรมควัน' สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ใน รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยจะสามารถนั่งสูบบุหรี่รมควันตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยควันบุหรี่นี้จะไม่มีการระบายออกสู่ภายนอก ไม่สร้างความรบกวน ไม่ทำลายสุขภาพส่วนรวมต่อสาธารณชนนะครับ แต่จะทำลายสุขภาพผู้สูบบุหรี่คนนั้นคนเดียว
ควันบุหรี่จากการสูบบุหรี่จะหมุนเวียนกลับคืนเข้าสู่ 'ห้องรมควัน' ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าควันบุหรี่จะหมดจาก 'ห้องรมควัน' ประตูห้องซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติควบคุมด้วยระบบเซ็นเซอร์ควันบุหรี่จึงจะคลายล็อกประตู ผู้สูบบุหรี่จึงจะออกจากห้องได้
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้สูบบุหรี่ได้สูดรับควันบุหรี่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ 100% เต็มเม็ดเต็มหน่วย คุ้มค่าบุหรี่ทุกมวนที่ตนเองสูบ อนุภาคควันบุหรี่จะกลับคืนเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของผู้สูบบุหรี่คนนั้นอย่างเต็มที่ 100% จะไม่มีการสูญเสียควันบุหรี่แม้แต่น้อยนิดที่จะไปรบกวนหรือไปทำลายสุขภาพบุคคลอื่นอย่างเด็ดขาด
นวัตกรรม 'ห้องรมควัน' นี้อาจจะดูโหดร้ายสำหรับพวกโลกสวย ดังนั้นอย่าลองดี อย่าท้าทายสูบบุหรี่ใน รพ.มงกุฎวัฒนะกันนะครับ หากจะต่อต้านไม่ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะ เพราะมาตรการโหดสำหรับผู้สูบบุหรี่ใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ"
...
พร้อมกันนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ทิ้งท้ายว่า จะตั้งชื่อ 'ห้องรมควัน' นี้ว่า 'ห้องฮิตเลอร์' และหากใครยังเห็นแก่ตัวสูบบุหรี่ในพื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำร้ายบุคคลอื่นกันอีก ต่อไปจะไม่มีการตบแล้ว แต่จะมีการประชาทัณฑ์โดยจิตอาสาผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ร่วมกับบุรุษ 'โม่งดำ' พูดจริง ทำจริงนะครับ ไม่ได้ล้อเล่น
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
รพ.ของสุภาพชน รพ.แห่งความปลอดภัย ปลอดบุหรี่ ปลอดกุ๊ยอันธพาลเกเร
8 ก.ย. 67 เวลา 10.35 น.
หมายเหตุ 'ห้องรมควัน' หรือ 'ห้องฮิตเลอร์' เสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่จะนำมาเผยแพร่ให้สาธารณะได้ยลโฉมเป็นขวัญกำลังใจแก่สุภาพชนที่ไม่โลกสวยกันนะครับ.