เจ้าของบ้านสุดทน ติดป้ายวอนขี้ยาและหัวขโมยไปหาแหล่งมั่วสุมที่ใหม่ ขอเวลาได้พักและทำมาหากินบ้าง ด้านตำรวจรุดขอดูวงจรปิด ตามจับคนบุกรุก เพิ่มรอบสายตรวจ

วันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง บริเวณปากซอยกิมตง (อุ่นอุทิศ) หลัง บขส.แห่งที่ 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบมีการติดป้ายไว้ที่หน้าบ้าน และเขียนข้อความว่า "เรียนคุณนักเสพยา นักงัดแงะขโมย นักพเนจร บ้านหลังนี้กลายเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยา โดนทั้งงัด โดนทั้งแงะ โดนทั้งขโมยของไปหลายรอบแล้ว ขอเวลาพักหน่อย งานก็ต้องทำ แถมยังต้องหาเลี้ยงทั้งครอบครัว ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนเลย จึงขอความกรุณาจากคุณๆ ทั้งหลาย เชิญหาแหล่งมั่วสุมเสพที่อื่นก่อน ที่นี่อำเภอเมืองอุดรฯ ซอย บขส."

โดยมี ร.ต.อ.วิทยา ศิริเทพ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี และ ร.ต.อ.บรรเทิง ทัพโยธา รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังมาที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามปัญหา พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ยังก่อสร้างไม่เสร็จ มุงหลังคา แต่ยังไม่มีฝาบ้าน ทั้งสองชั้นเปิดโล่ง แต่ใช้สแลนสีเขียวล้อมชั้นล่างปิดเอาไว้ ซึ่งมี น.ส.วรินทร เมืองกะตาธิการ อายุ 43 ปี เป็นเจ้าของ แต่ไม่อยู่ออกไปทำธุระที่โรงเรียนลูก ส่วนด้านหลังซึ่งอยู่ติดกับบ้านเกิดเหตุจะสร้างเป็นห้องเช่า

...

นายไพศาล เหมือนทองจีน อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่นานแล้ว หลังจากปรับปรุงบ้านจากชั้นเดียวยกสูงขึ้นมาเป็น 2 ชั้น จะมีคนเข้ามาหลบฝนและคนเร่ร่อนเข้ามาพักอาศัย ทั้งมาปัสสาวะและอุจจาระภายในบ้าน เพราะมีช่องทางที่เข้าง่าย ตนเห็นเขามาติดป้ายเมื่อวานนี้ก็งง เพราะที่เห็นก็จะเป็นคนจรจัดที่มาอาศัยมากกว่า ส่วนคนเสพยาไม่เคยเห็น 

ต่อมา พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพบ น.ส.วรินทร เจ้าของบ้าน เพื่อสอบถามและแก้ปัญหา ซึ่ง นางวรินทร เล่าว่า ตนเป็นคนกรุงเทพมหานคร มาได้ครอบครัวอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีประมาณ 10 ปีแล้ว เมื่อมาอยู่ที่นี่ ตนได้มาดูแลกิจการหอพักของครอบครัวสามี ต่อมาตนและแม่ได้เปิดร้านอาหารอยู่ด้านหน้า มีขโมยเข้ามาขโมยเอาถังแก๊สจนเป็นข่าวมาแล้ว 1 รอบ หลังจากนั้นกิจการก็เริ่มไปต่อไม่ได้ หอพักเริ่มมีปัญหา จนต้องปิดตัวมาแล้ว 1 รอบ สามีจึงไปเปิดร้านสกรีนเสื้อ แต่ด้วยที่นี่เป็นพื้นที่ของครอบครัวสามี ตนจึงกลับมาบริหารหอพักอีกครั้ง

น.ส.วรินทร เล่าต่อไปว่า หลังจากนั้นก็มีคนเร่ร่อนและมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 3-4 คน เข้ามาบุกรุกใช้พื้นที่อาคารไม้ที่เคยสร้างเป็นร้านอาหาร มามั่วสุมเสพยาเสพติด ซึ่งตนอยู่กับลูก 2 คน ลูกก็ยังเล็ก ตนก็มีความกังวลจนป่วยเป็นโรคแพนิก เพราะตนกลัว ไม่รู้ว่าจะถูกกลุ่มคนพวกนี้ทำร้ายร่างกายวันไหน เคยแจ้งตำรวจให้มาติดกล่องแดง แต่เขาก็รู้เวลาว่าตำรวจจะมาตอนไหน เมื่อตำรวจไปแล้วเขาก็กลับเข้ามามั่วสุมกันอีก ตอนที่เปิดร้านขายอาหาร ลูกน้องผู้หญิงโดนจับหน้าอกจนต้องลาออก พอมีหมามาเห่าก็โดนทำร้าย ตนหาทางออกไม่ได้จึงต้องทำป้ายไวนิลติดประกาศไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะพึ่งใคร ซึ่งตนติดกล้องวงจรปิดไว้เพื่อเก็บหลักฐาน

น.ส.วรินทร บอกด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ได้โทษตำรวจ แต่ต้องเซฟตัวเองก่อน เพราะอยู่กัน 4 คน มีผู้หญิงและเด็ก คนที่แอบเข้ามาส่วนใหญ่จะมาเสพยา ส่วนคนเร่ร่อนก็เคยเตือนแล้ว จนทำให้เขาไม่พอใจจุดไฟเผาสแลน ไม่มีคนถูกทำร้ายแต่มาขโมยของ งัดหน้าต่างเข้ามาอยู่ในบ้านที่กำลังก่อสร้าง ที่ขึ้นป้ายเพราะนอนไม่หลับ วันนี้รู้สึกดีใจที่มีตำรวจมาดูแลแก้ปัญหาให้ ขอบคุณตัวเองที่กล้าเขียนป้ายจนมีเจ้าหน้าที่มาช่วย

ด้าน พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ เปิดเผยว่า พอทราบว่ามีการติดป้ายว่ามีการมั่วสุมเสพยาและลงสื่อโซเชียล จึงสั่งให้สายตรวจรีบมา ซึ่งไม่พบเจ้าของบ้าน ตนจึงมาที่เกิดเหตุเองก็พบเจ้าของบ้าน ทราบว่าเมื่อ 7 ปีก่อนมีการขโมยถังแก๊ส แต่ก็จับคนร้ายได้ ปี 65 โดนขโมยเหล็กก่อสร้าง ยังจับตัวไม่ได้ และล่าสุดมีคนเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ใกล้ บขส.เข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะขอภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้ชุดสืบสวนนำภาพบุคคลที่บุกเข้ามาในบ้าน เพื่อดำเนินคดีข้อหาเสพยาบ้าและบุกรุกทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งบริเวณรอบบ้านจะเป็นพื้นที่ที่เจ้าของทิ้งให้รกร้าง ไม่ได้มาอยู่อาศัย

"ส่วนการแก้ไขปัญหา จะติดไฟฟ้าส่องสว่าง เพิ่มรอบสายตรวจและติดตู้แดงเพื่อป้องกันเหตุ และให้ตำรวจสืบสวนตรวจสอบเชิงรุกหากเข้ามามั่วสุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตอนนี้มีเบอร์โทรผู้เสียหายแล้ว ถ้าเจ้าของไม่อนุญาตก็จะจับดำเนินคดี ตรวจสอบส่วนใหญ่จะเป็นคนเร่ร่อน ซึ่งมีจำนวนมากนอนตามฟุตปาท พอตำรวจจับส่ง พมจ. นำส่งศูนย์ไร้ที่พึ่ง เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าหลบหนีออกมา เช่น หญิงลี นำส่งแล้วก็หนีกลับมาเหมือนเดิม กำลังปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ให้คนเร่ร่อนกลับมาสร้างปัญหาอีก" ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าว.