ปล่อยตัว "ลุงธง" ขโมยลูกชิ้นยืนกิน หลังครบฝากขัง 48 วัน โผกอดครอบครัวน้ำตาคลอ สัญญาจะไม่ทำอีก หลังจากนี้จะทำงานสุจริต แม่ป่วยติดเตียง บอกห่วงลูกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ 

จากกรณี นายบุญเที่ยง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 50 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ถูกตำรวจจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.39 น. โดยเป็นการขโมยลูกชิ้นเพื่อเอาไปเลี้ยงครอบครัว ซึ่งมีพ่อและแม่ที่แก่ชราและป่วยติดเตียงกิน เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจน กระทั่งพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและนำผู้ต้องหาส่งอัยการตามขั้นตอน และเกิดกระแสดราม่า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 19.10 น. วานนี้ (12 ก.ค.) นายบุญเที่ยง ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ตามหมายปล่อยตัวของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากครบกำหนดฝากขัง 4 ผัด รวม 48 วัน โดยมี นายวุฒิกาญจน์ กุลสุวรรณ ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมทีมงาน และ น.ส.พิมพร อายุ 59 ปี พี่สาวไปรอรับที่หน้าเรือนจำ

ทันทีที่ นายบุญเที่ยง หรือลุงธง ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ก็เดินเข้าไปกอดพี่สาวทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ พร้อมทั้งได้ยกมือไหว้ประธานสภาทนายความและทีมงานทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ

...

ซึ่ง นายบุญเที่ยง เปิดเผยว่า ดีใจที่ได้รับการปล่อยตัว และรับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก หลังจากนี้จะไปทำงานรับจ้างทั่วไปเพื่อดูแลแม่ป่วยติดเตียงและพ่อที่แก่ชราด้วย จากนั้นผู้ใหญ่บ้านได้นำรถตู้ไปรับที่หน้าเรือนจำเพื่อพาไปส่งที่บ้านที่ อ.ลำปลายมาศ

เมื่อไปถึงบ้าน นายบุญเที่ยง ก็เข้าไปกอดพ่อและแม่วัยชราที่เฝ้ารอลูกกลับบ้านด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะแม่ที่ป่วยติดเตียงบอกว่า ดีใจที่ลูกได้รับการปล่อยตัว เพราะหลังจากที่รู้ว่าลูกถูกจับก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงกลัวจะไม่ได้กินข้าว ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ทั้งนี้แม่ยังบอกกับลูกชายว่า อย่าทำแบบนี้อีก ให้ทำงานหากินสุจริต อย่าไปขโมยของใคร

ด้านประธานสภาทนายความ กล่าวว่า วันนี้เป็นการปล่อยตัวเนื่องจากครบกำหนดฝากขัง 4 ผัด แต่ยังไม่มีการฟ้อง เนื่องจากอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้กับอัยการ ช่วงนี้รอความเห็นจากพนักงานอัยการว่าจะมีความเห็นเป็นประการใด เช่น หากสั่งฟ้องไปแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนหรือไม่ เนื่องจากผู้ต้องหามีฐานะยากจน ก่อเหตุเพื่อนำไปดูแลพ่อแม่ชรา พนักงานอัยการอาจจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่หากมีการสั่งฟ้อง ทางสภาทนายความก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือในกระบวนการยุติธรรมต่อไป.