โซเชียลแห่ชื่นชม "ตำรวจภูธรเชิงทะเล" ไล่ตามจับรถกระบะปล่อยควันดำ แบบทันท่วงที บอกเป็นกำลังใจให้ปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ต่อไป
กลายเป็นคลิปไวรัลที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ภูเก็ต ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ขณะที่ "รถกระบะสีบรอนซ์ทอง" คันหนึ่ง ซึ่งขับมาจากถนนเชิงทะเล-บ้านดอน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มุ่งหน้ามาถึงสามแยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีสุนทร ต.เชิงทะเล อ.ถลาง แล้วมีการปล่อยควันดำพุ่งออกมาจากท่อรถ
ซึ่งในบริเวณนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล ปฏิบัติหน้าที่อยู่ เมื่อเห็นเหตุการณ์ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามไปทันที จนถึงหน้าวัดเชิงทะเลแล้วจับได้ในที่สุด พร้อมระบุข้อความประกอบคลิปว่า "ขับขี่ปลอดภัยใส่ใจเพื่อนร่วมทาง หากไม่เคารพกฎกติกากัน สภ.เชิงทะเล ยินดีบริการถึงที่"
...
อย่างไรก็ตาม หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ ตั้งแต่ดูคลิปมา ชอบคลิปนี้มากที่สุด, กรรมตามไม่ทัน พี่ตำรวจตามทันนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ, สะใจ ขอบคุณและชื่นชมตำรวจเลยงานนี้, ชื่นชมพี่ๆ ตำรวจค่ะ มันหยามมาก ทำหน้าป้อมตำรวจขนาดนี้จัดให้หนักๆ, กดทันที ตามทันใจ ฯลฯ
ล่าสุด วันที่ 3 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม จ่าสิบตำรวจตรีฐาปนัฐ เพชรสวี ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็น 1 ในตำรวจที่ติดตามจับกุมรถกระบะคันดังกล่าว ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ตามที่ปรากฏคลิปวงจรปิด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ก.ค. 67 ตนเองได้รับแจ้งจากจ่าสิบตำรวจดีชา จันทร์หมาน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร ได้วิทยุประสานมีรถกระบะปล่อยควันดำ เร่งเครื่องยนต์ บริเวณทางแยกเชิงทะเล-บ้านดอน จึงแจ้งให้สกัดจับ
จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป ส่วนพี่จ่าดีชาก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปตามถนนศรีสุนทร และไปทันกับรถกระบะที่หน้าวัดเชิงทะเล จึงได้สั่งให้หยุดรถ ตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นใด
จากนั้นได้ควบคุมตัวคนขับและรถมาจอดตรวจสอบที่หน้าสถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล โดยมีร้อยเวรจราจรร่วมตรวจสอบ และได้ออกใบสั่ง คือ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และนำรถที่มีท่อไอเสียส่งกลุ่มควันมาใช้ ร้อยเวรได้มีการเปรียบเทียบปรับไป
ด้าน พ.ต.อ.วีระพงศ์ รักขิโต ผกก.สภ.เชิงทะเล กล่าวว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนได้เป็นอย่างดี การใช้รถใช้ถนนร่วมกันจะได้ปลอดภัย ตลอดจนเพื่อไม่ให้มีการก่อมลพิษบนถนน
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ภูเก็ต