กรมควบคุมโรค ประเมิน "ไทย" เสี่ยงต่ำ ไม่พบการนำเข้าโคนมจากสหรัฐฯ หลังพบไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ระบาด มีคนติดเชื้อเสียชีวิตแล้ว 2 ราย ย้ำเฝ้าระวังเข้มงวด แนะการป้องกัน พร้อมสังเกตอาการ

เป็นประเด็นที่ใครหลายคนให้ความสนใจ หลังไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ซึ่งคร่าชีวิตนกป่าไปหลายล้านตัว และระบาดเป็นพักๆ ที่ฟาร์มไก่ในหลายประเทศทั่วโลก ตอนนี้กำลังทำให้เกิดการระบาดในฟาร์มโคนมในหลายรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และมี "คน" ติดเชื้อจากวัวไปแล้ว 2 รายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

โดย นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงกรณีมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ซึ่งคาดว่าติดเชื้อจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งของโคนมในฟาร์มที่รัฐมิชิแกน นับเป็นรายที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกจากโคนมเป็นรายแรกของประเทศ ที่รัฐเท็กซัส จากการแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ครั้งนั้น ถึงแม้จะพบได้ยาก แต่ถือเป็นกรณีแรกที่มีแนวโน้มว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถแพร่เชื้อไปยังคนได้ จึงจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

...

สถานการณ์ H5N1 ในไทย

ขณะที่ในประเทศไทยเอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีการเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่องทั้งในคน สัตว์ และสัตว์ป่า รวมทั้งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด

และจากการประสานงานกับกรมปศุสัตว์ทราบว่า ประเทศไทยไม่มีการนำเข้าโคนมจากสหรัฐอเมริกา จึงประเมินได้ว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกจากสถานการณ์ดังกล่าวในระดับต่ำ

แนะการป้องกัน พร้อมสังเกตอาการ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกมานาน แต่ประเทศเพื่อนบ้านยังมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในคนและสัตว์อย่างต่อเนื่อง นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงแนะนำให้ประชาชนมีการป้องกันตนเอง ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย
  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะหลังสัมผัสกับสัตว์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก ขณะใกล้ชิดกับสัตว์
  • หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ใกล้บ้านทันที และสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด
  • ห้ามนำสัตว์ปีกป่วยตายมาปรุงอาหารเด็ดขาด
  • การรับประทานเนื้อสัตว์ปีกและไข่ต้องปรุงสุกสะอาด
  • หากมีอาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่ ไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจหอบเหนื่อย หรือมีตาแดงอักเสบ หลังสัมผัสกับสัตว์หรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมกับแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ให้แพทย์ทราบ โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค.