เปิดใจ "พยาบาลรีเฟอร์" เล่าเหตุการณ์ประสบอุบัติเหตุระหว่างส่งตัวผู้ป่วย อาการหนักจนตอนนี้ยังเดินไม่ได้ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเยียวยาบ้าง

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Noo-Koy S. Anutsara Ktr ที่โพสต์ข้อความระบุว่า เรื่องเล่าจากพยาบาลรีเฟอร์...ทำงานด้วยใจ ทำงานด้วยความเสียสละ...

9/5/67 อยู่เวรส่งต่อผู้ป่วยเพื่อไปรักษา ณ รพ.ปลายทาง ห่างจาก รพ.100 กม. มีเคสที่ต้องไปส่งผู้ป่วย Term with PROM Cx.dilate 1 cm. ส่งเวรเรียบร้อย Advice ญาติผู้ป่วย สามีผู้ป่วยเรียบร้อย

16.55 น. เดินทางออกจาก รพ. คนไข้ตั้งครรภ์ 1 พยาบาล 1 สามีผู้ป่วย 1 จนท.ขับรถ รพ.1  ต้นทาง ติด mornitor NST ระหว่างทางเพื่อติดตามอาการของทารกในครรภ์

17.20 น. หลังจากการ mornitor NST ครบ 20 นาที กดส่งให้ รพ.ปลายทางดู

17.24 น. มีพลเมืองดีโทรแจ้งเหตุว่าเกิดอุบัติเหตุ (จำเหตุการณ์ไม่ได้)

จากที่พี่ๆ เล่าให้ฟังบอกว่า ผู้ป่วยเรียกไม่รู้สึกตัว พยาบาลนอนครางพูดไม่รู้เรื่อง สามีผู้ป่วยปลุกตื่น จำเหตุการณ์ไม่ได้ นำส่ง รพ.ปลายทางตามระบบ ส่วนเรารู้ตัวอีกทีหลังออกจากห้องผ่าตัดประมาณตี 2 ของวันที่ 10/5/67 จากอุบัติเหตุรถกระบะชนรถพยาบาล มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน บาดเจ็บ 6 เรา???????

เรามาทำงาน แต่...เราบาดเจ็บ สีแดง มีเลือดออกในสมอง ใบหน้าด้านขวาบวม หูซ้ายฉีก กระดูกนิ้วก้อยหักแบบมีแผลเปิด กระดูกสะโพกขวาหลุด กระดูกเชิงกรานหัก Set OR 3 ครั้ง on ET tube 2 ครั้ง CT 3 ครั้ง ..............

อุบัติเหตุ เกิดได้เสมอ.......แล้วมันคุ้มไหมกับเงิน 680฿ ที่ต้องได้รับ (ยังไม่รวมหักภาษีอีก 5%) เรายังไม่ตาย แต่สิ่งที่ได้หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เรายังเดินไม่ได้ แพทย์ให้นั่งรถเข็น 1 เดือน ยังไม่ให้เดิน ขยับ ยกขาเองไม่ได้ Retain foley ลุกนั่งเองไม่ได้

...

ลา...เสียวันลา ทั้งๆ ไม่ได้อยากป่วย ไม่ได้อยากหยุดงาน ค่าเงินต่างๆ ที่จะได้รับ ไม่ได้ เพราะทำงานไม่ถึง 15 วันทำการ ไม่ได้อยากหยุดไหม???

พรบ. จ่ายให้ 30,000฿ ตามสิทธิ์ ที่เหลือสิทธิ์ตัวเอง ลาป่วยได้ 60 วัน รวมตลอดปีงบ หลังจากนั้นก็อาจจะไม่ได้เงินเดือน???

เรียกร้องค่าชดเชยจาก พรบ. ต้องดำเนินการเอง............

ลูก 1.4 ขวบ ก็ต้องฝากไว้กับตายาย ทุกคนต้องหยุดงาน เรานอน รพ. ไม่ได้มีใครมาเฝ้าตลอดเวลา

คุ้มไหมกับสิ่งที่ได้รับ?????? ยังไม่รวมกับความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ + Morphine inj. รัวๆ บางครั้งก็ไม่ได้อยากจะได้แค่กระเช้าหรอกนะ เพราะผลที่ตามมามันมากกว่านั้น ฟาดเคราะห์ หรือ โชคร้าย หรือ ซวย????

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ หนักหนาสาหัสจริงๆ แม่ก้อย ขอให้อดทนนะ รับรู้ถึงความเจ็บปวดทั้งกายใจ, เป็นกำลังใจให้นะคะ, อ่านละสะเทือนใจ ขนาดเจ้าอยากเป็นหนึ่งเสียงที่ตะโกนบอกใครก็ได้ที่มีอำนาจ ให้ช่วยเคสที่เกิดอุบัติเหตุขณะทำงานให้มากกว่านี้ได้ไหม อย่างที่น้องว่า ไม่อยากได้แค่กระเช้าเยี่ยมไข้ ฯลฯ

ล่าสุดวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 คุณก้อย เจ้าของโพสต์ได้เปิดใจกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" โดยเผยว่า เอาจริงๆ อยากให้หน่วยงาน กระทรวงมี action มากกว่านี้ ไม่ได้แค่มาเยี่ยม เพราะเราบาดเจ็บจากการปฏิบัติงาน ไม่มีการติดตามอาการ ระยะยาว ระยะสั้น ผลกระทบที่จะตามมา 

เรื่องการเกิดอุบัติเหตุ ทราบแค่ว่ารถกระบะไถลมาชนรถโรงพยาบาลขณะส่งต่อผู้ป่วย ส่วนเหตุการณ์ต่างๆ คือจำไม่ได้เลยค่ะ รู้ตัวอีกทีก็ประมาณตี 2 แล้วค่ะ ตอนนี้ยังเดินไม่ได้ นั่งเองไม่ได้ ยกขาเองยังไม่ได้เพราะเพิ่งผ่าตัดค่ะ ยังต้องนั่งวีลแชร์ประมาณ 1 เดือน

ทั้งนี้ "คุณก้อย" ยังบอกอีกว่า อยากจะให้กระทรวงเยียวยาเราบ้าง ณ ตอนนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย นอนโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 แล้วค่ะ ตอนนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ว่าย้ายกลับมานอนที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแล้วค่ะ

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางต้นสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มีการชี้แจงแต่อย่างใด หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง.

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Noo-Koy S. Anutsara Ktr