แม่แจ้งความ "หมอเหรียญทอง" จับเด็กชายวัย 14 แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ตบหน้าเรียกค่าปรับ 5,000 ให้แก้ผ้าเดินออกจากโรงพยาบาล ด้านหมอเหรียญทองอ้างอีกฝ่ายมีการท้าทาย ไม่เกรงใจ ยืนยันจะไม่มีการขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 มีรายงานว่า น.ส.กัลยา แม่ของเด็กชายอายุ 14 ปี ได้พาลูกเข้าตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล หลังเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วรวุฒิ เกตุแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง ว่าถูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะทำร้ายร่างกายภายในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เมื่อช่วงเวลา 23.00 น. วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยเด็กชายอายุ 14 ปี กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2567 เวลา 22.30 น. ตนได้แอบไปสูบบุหรี่ภายในอาคารห้องน้ำ ชั้น 1 โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ และเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประมาณ 7-8 คนมายืนรออยู่
จากนั้นได้นำตัวตนเองมาที่ห้องโถง และบอกให้ตนชำระค่าปรับจำนวน 5,000 บาท จากความผิดที่ตนเองสูบบุหรี่ในห้องน้ำ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้หญิง น่าจะเป็นหัวหน้า ได้ยึดโทรศัพท์ไอโฟน 6 เอส สีเทา ของตนไปเก็บไว้ที่เคาน์เตอร์การเงินของโรงพยาบาล และได้มีการพูดคุยกันที่บริเวณห้องโถงใหญ่ ชั้น 1 หน้าเคาน์เตอร์การเงิน
ต่อมาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เป็นผู้หญิงได้มีการพูดคุยโทรศัพท์ และได้บอกให้รอ ผอ.โรงพยาบาลที่บริเวณดังกล่าว สักพักได้มีชายไทยสูงวัยใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้น (ทราบภายหลังคือ พล.ต.นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ) เดินเข้ามาทางประตูหน้าตรงห้องฉุกเฉิน เดินตรงเข้ามาที่ตนเอง
...
จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ถามว่า "_สูบบุหรี่ในนี้ได้ไง" หลังจากสิ้นคำถาม ชายคนดังกล่าวก็ตบมาที่บริเวณใบหน้า 1 ครั้ง จากนั้นก็ตบที่บริเวณใบหน้าอีก 3 ครั้ง แล้วพาออกมานอก รพ. ซึ่งขณะนั้นตนกำลังร้องไห้อยู่ ชายคนดังกล่าวก็ตะโกนถามว่า "_จะร้องทำไม" และชายคนดังกล่าวก็ได้เตะมาที่บริเวณใบหน้าอีก 2 ครั้ง และแทงเข่ามาที่หางคิ้วซ้าย เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ตนจึงได้พยายามขอโทษชายคนดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยืนอยู่ ชายคนดังกล่าวจึงบังคับให้ตนถอดเสื้อและถอดกางเกง เปลือยกาย และปล่อยให้ตนเดินออกมาจากโรงพยาบาลบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน เดินเปลือยกายออกมาที่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 12 จนกระทั่งได้ขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี พลเมืองดีจึงได้ให้ยืมโทรศัพท์ติดต่อญาติให้มารับและมาแจ้งความ
ด้าน น.ส.กัลยา กล่าวว่า ตนยอมรับในความผิดที่ลูกชายสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล และยอมรับที่จะต้องถูกปรับเงิน แต่มาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ก็ถือว่าทำเกินกว่าเหตุ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยหลังจากนี้จะพาลูกชายเข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ส่งผลตรวจให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี
เบื้องต้น ร.ต.อ.วรวุฒิ ได้รับแจ้งแล้ว จึงได้สอบปากคำผู้เสียหาย จัดทำภาพถ่ายบาดแผล ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ. ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้นำรูปภาพของ พล.ต.นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ให้กับทาง ด.ช.ดนัยเทพ ดู โดยทาง ด.ช.ดนัยเทพ ได้ยืนยันว่าบุคคลในรูปเป็นคนที่ทำร้ายตนเองจริง
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า เบื้องต้นทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ปกครองของเด็กไว้แล้ว ส่วนการสอบปากคำเด็กต้องประสานสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำ จากนั้นจะต้องประสานขอภาพวงจรปิดกับทาง รพ. เพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลว่าใครเป็นใครก่อน เมื่อระบุตัวบุคคลได้ก็จะเรียกมาสอบปากคำ จากนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
ด้าน นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางโทรศัพท์ว่า "เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นช่วงห้าทุ่มของวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา วัยรุ่นคนนี้แอบไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำของแผนกผู้ป่วยโอพีดี ที่มีผู้ป่วยมานั่งรอรักษากันเต็มทั้งแผนก ซึ่งการเข้าไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ควันจะถูกดูดเข้าไปในระบบอากาศ และเข้าสู่ระบบปรับอากาศจนคลุ้งไปทั่วห้องโอพีดี ทำให้คนไข้ที่อยู่ตรงนั้นร้องเรียนมาที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล จากนั้นทางเจ้าที่ของโรงพยาบาลได้ไปจับตัววัยรุ่นคนนั้นมา ต้องบอกว่าทางโรงพยาบาลประสบปัญหาเรื่องร้องเรียนการสูบบุหรี่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทางโรงพยาบาลมีกฎระเบียบ ติดป้ายเตือน รวมถึงประกาศเสียงตามสายทุกๆ 2 ชั่วโมง"
โดย นพ.เหรียญทอง อ้างว่า วัยรุ่นคนนี้มีการท้าทาย ไม่เกรงใจ ทางเจ้าหน้าที่จึงรายงานมาที่ตน พร้อมยึดโทรศัพท์ไว้ เพื่อให้มาเสียค่าปรับ จากนั้นผู้ปกครองได้โทรมาถามว่า มีสิทธิ์อะไรไปยึดโทรศัพท์มือถือลูกเขา ก็ยอมรับว่ามีการละเมิดสิทธิ์จริง แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล แพร่สารก่อมะเร็งให้กับคนอื่น
นอกจากนี้ยังยอมรับด้วยว่า ตบเข้าที่ใบหน้าเด็ก 3-4 ครั้ง แล้วก็ให้ถอดเสื้อผ้าวิ่งออกจาก รพ.ไป ส่วนการทำร้ายร่างกาย ตนเองยอมรับผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย แต่จะไม่มีการขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่เขาละเมิดทางโรงพยาบาล ก็จะดำเนินการเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนใครจะมองว่าเราทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น ตนไม่สนใจ
นพ.เหรียญทอง อ้างด้วยว่า หลังเกิดเหตุ มีกลุ่มเด็กแว้นมาป่วนที่โรงพยาบาล ซึ่งเขตโรงพยาบาลเป็นเขตปลอดอันธพาล ใครจะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไม่ได้ และว่า โรงพยาบาลต้องเป็นเขตปลอดบุหรี่ ไม่ว่าจะในประเทศไทย หรือทั่วโลก ส่วนจะมีการดำเนินการใดๆ กับวัยรุ่นคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ทางโรงพยาบาลถือว่าได้ตอบโต้ไปแล้ว
ทั้งนี้ จากการขออนุญาตลงพื้นที่สำรวจบริเวณโรงพยาบาล พบว่า จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณห้องน้ำชั้น 1 แผนกโอพีดี ติดกับห้องฉุกเฉิน อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารสร้างใหม่ ภายในห้องน้ำมีการติดป้ายเตือน และกฎระเบียบต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน รวมถึงจุดอื่นๆ ก็มีป้ายติดด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีประกาศเสียงตามสายซึ่งเป็นเสียงของ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ที่ประกาศกฎระเบียบของโรงพยาบาลทุกๆ 2 ชั่วโมงด้วย.