"สัตวแพทย์" แจงข้อเท็จจริง ดราม่าเพจมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ โพสต์โวยเคสการรักษา "สุนัขจรจัด" พร้อมให้กำลังใจสัตวแพทย์ทั่วประเทศ ให้ทำงานบนพื้นฐานความถูกต้อง

วันที่ 3 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊กมูลนิธิช่วยเหลือสุนัขและแมวแห่งหนึ่ง ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ ขณะพาสุนัขจรจัดไปรักษาแผลฉกรรจ์ที่ท้องและขา เนื่องจากถูกสุนัขตัวอื่นรุมกัด โดยพาไปรักษาที่โรงพยาบาสัตว์แห่งหนึ่งที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็ตัดสินเปลี่ยนโรงพยาบาล เนื่องจากคุณหมอติดเคสอีก 10 ราย

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่ 2 ทางคุณหมอได้ถามไถ่อาการ พร้อมขอมัดจำ 5,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าสุนัขจรหรือมีเจ้าของก็ใช้ยาตัวเดียวกัน สุดท้ายหมอได้โทร.แจ้งว่ารักษาที่โรงพยาบาลไม่ได้ เนื่องจากทรายเข้าไปในท้องเยอะเกินไป ทำให้ทางตนนั้นเกิดเป็นคำถามถึงการฉวยโอกาสหากินกับลมหายใจของสัตว์และความเมตตาของคน และมีความคิดอยากจะเปิดโรงพยาบาลสัตว์เอง

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก อีกครั้งยังเป็นที่ถกเถียงกันอีกว่าเคสการรักษาดังกล่าวควรเห็นใจใครมากกว่ากัน 

ล่าสุด สพ.ญ.กฤติกา หาญญานันท์ co founder โรงพยาบาลสัตว์เพื่อนแต้ม ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Krittika Hanyanun ระบุว่า อยากให้เปิดดูทุกรูป อ่านทุกแคปชั่นนะคะ สืบเนื่องจากโพสต์นี้ ใช่ค่ะที่เพื่อนแต้มเองค่ะ น้องหมามาตอนเที่ยงคืนกว่า (ร้านปิดเที่ยงคืน) หมาถูกรุมกัดมา มาด้วยสภาพทราย & โคลนทั้งตัว โกนขนใบบัตตาเลี่ยนพังไป 3 แผลฉกรรจ์ทุกแผล ไม่พอมีทรายโคลนเข้าไปในแผลทุกแผล แผลที่ท้องทะลุ และแน่นอนว่าทรายและโคลนก็ทะลุไปด้วย น่าจะต้องล้างท้องเลยส่งต่อให้ไปเกษตร 

...

ล้างตัว&ล้างแผล 2 ชม.กว่า ก๊อซปลอดเชื้อ 200 แผ่น แผ่นรองซับ 30-40 แผ่น NSS 6 ลิตร วางยา zoletil หมาหนัก 22 กิโล ฉีด synulox, tolfedine ทำงานล่วงเวลา 3 ชม. ทั้งหมดนี้ 4,050 บาทค่ะ สภาพน้องหมาดังรูปค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้แต่แรกรับ เพราะตั้งใจจะดูแค่อาการน้องและรีบทำ แต่พอเจ้าของแจ้งว่าเป็นประธานมูลนิธิ……..เลยให้เด็กผู้ช่วยถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากคลีนไปพักใหญ่ 

ปล. ก่อนทำหัตถการวางยา ได้ทำการโทรตามเจ้าของทั้งหมด 24 ครั้งด้วยกัน (ตามรูปแนบสุดท้าย) เพื่อให้ย้ายโรงพยาบาล เนื่องจากพบว่าทราย & โคลนเข้าไปในช่องท้องต้องล้างช่องท้องก่อนเย็บปิด และขณะนั้นมีหมอเข้าเวรคนเดียว ไม่สามารถทำหัตถการได้ เจ้าของไม่รับสาย นุ่นเลยตัดสินใจปฐมพยาบาล ล้าง ขัด ตัด เล็ม

โดยตอนแรกไม่วางยา แต่น้องหมาคงเจ็บก็จะกัดเลยต้องวางยา เลยเกิดเป็นค่าใช้จ่ายขึ้นมา หลังจากการโทร 24 ครั้ง ได้ติดต่อเจ้าของได้ทางช่องทางอื่นเจ้าของแจ้งว่าเบอร์โทรที่ให้โรงพยาบาลไว้ไม่ได้อยู่กับตัว (แต่ให้โรงพยาบาลเป็นเบอร์ติดต่อกรณีฉุกเฉิน) เจ้าของแจ้งว่าจะมารับน้องพรุ่งนี้ จึงเกิดค่าใช้จ่ายเป็นยาฆ่าเชื้อและยาลดปวดเพิ่ม ต่อมาเจ้าของจึงโทรมาใหม่ว่าจะมารับคืนนี้เลย 

นุ่นถึงบ้านตี 3 ค่ะ ขอบคุณค่ะ #โรงพยาบาลสัตว์เพื่อนแต้ม 

ปล. กำลังรวบรวมข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสีย เพราะมีการแนบรูปใบเสร็จที่มีชื่อนุ่นให้คนเข้ามาด่า มีใครเจอแคปมาได้นะคะ 

ปล 2. รู้สึกขอบคุณเพื่อนร่วมวิชาชีพ และคนรักหมาแบบมีความรับผิดชอบหลายๆ คนที่เข้าใจสถานการณ์

ปล 3. พยายามแจ้งเคสด้วยว่าการวางยาด้วยยาฉีดมีความเสี่ยงนะ และตอนนี้หมอดมยา P Aui Youngsuksataporn ไม่อยู่ เคสบอกว่าพี่มองว่าไม่วางมันก็ตาย พี่เข้าใจ

ทั้งนี้ทาง สพ.ญ.กฤติกา ได้เปิดใจกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" เล่ากรณีที่เกิดขึ้นว่า เคสนี้โทรเข้ามาราวๆ เที่ยงคืนค่ะ ถามเส้นทางโรงพยาบาล แล้วสักพักก็พาน้องหมามา พอดี มาพร้อมกันกับอีกเคส หมอก็รักษาหมาตัวนั้นก่อน รักษาเสร็จก็มาดูตัวนี้ น้องชื่อสลัด เจ้าของแจ้งว่าน้องถูกรุมกัดมา

พอตรวจเบื้องต้นก็พบว่ามีบสดแผลหลายที่ แต่ไม่สามารถเห็นได้ชัด เนื่องจากน้องมีทราย โคลน และใบไม้เล็กๆ เต็มตัว การทำความสะอาดใช้เวลานาน พิจารณาแผลเบื้องต้นน่าจะต้องเย็บแผล เจ้าของเลยแจ้งว่าไม่รอ ทางหมอเลยบอกว่าได้ แต่จะขอเก็บเงินมัดจำไว้นะ เพราะเป็นเคสใหม่ของโรงพยาบาล และประเมินราคาว่าแผลฉกรรจ์มากเลย และน้องหมาไซส์นี้ค่ารักษาและค่าฝากน่าจะเป็นหมื่นนะคะ เจ้าของโอเคมั้ย

จากนั้นเขาก็บอกว่า น้องเป็นหมาจร ช่วยลดราคาให้หน่อย หมอเลยบอกว่า ไม่ว่าหมาจร หรือหมามีเจ้าของ ก็ใช้ตัวยาเดียวกัน มาตรฐานการรักษาเหมือนกัน ไม่มีแยกระดับค่ะ ที่โรงพยาบาลไม่ได้มีนโยบายการลดราคาตรงนี้ หากเจ้าของไม่สะดวก หมอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลอีกแห่งที่ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า เจ้าของบอกว่า อ๋อ รู้จักหมดอะหมอคนนั้นคนนี้ เคยไปแล้ว หมอรักษาไปเลย ก็เลยเก็บมัดจำมา 5,000 บาทค่ะ

จากนั้นเจ้าของก็กลับไป หมอก็ทำงานต่อ ระหว่างที่คลีน ก็เป็นไปตามโพสต์ของหมอเลยค่ะ โทร 24 สายตามเบอร์ที่ให้ เจ้าของไม่รับ จนหมอก็ต้องปฐมพยาบาล เลยมีค่าใช้จ่ายเรื่องยาสลบเกิดขึ้น ตามโพสต์ จนสุดท้ายให้แอดมินเพจ โรงพยาบาลหาทางติดต่อมูลนิธิที่เขาแจ้งว่าเขาเป็นประธาน จนเขาโทรกลับมา หมอเลยแจ้งว่าดูแผลอย่างละเอียดแล้ว น้องน่าจะต้องได้รับการล้างช่องท้อง แต่ตอนนี้บุคลากรไม่พอ ให้เจ้าของมารับไปแผนกฉุกเฉินที่เกษตรฯ

เจ้าของแจ้งว่าจะมารับพรุ่งนี้ หมอเลยฉีดยาลดปวด ยาฆ่าเชื้อให้ จากนั้นโทรมาใหม่ว่าจะมารับเลย เจ้าของมารับหมากลับไปตอนตีสองกว่าๆ หมอก็คืนเงินมัดจำ พร้อมใบเสร็จ และกลับถึงบ้านตี 2.50 น. จากนั้นเช้ามาก็เห็นโพสต์ของมูลนิธิตามนั้นค่ะ เลยออกมาชี้แจงทางฝั่งโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ทางคุณหมอยังได้เผยอีกว่า หลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็ยังไม่มีการติดต่อกัน หรือชี้แจงใดๆ พร้อมฝากไว้ว่า ฝากให้กำลังใจเพื่อนพี่น้องสัตวแพทย์ทั่วประเทศละกันค่ะ ทำงานบนพื้นฐานความถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวดราม่าอะไร

อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิดังกล่าว ยังไม่ได้มีการชี้แจงเพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง.

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Krittika Hanyanun