"สท.โอ๊ต กู้ภัยเวียงงาม" ยอมรับผิดขายรถกู้ภัย และอุปกรณ์ที่ได้บริจาค ตอนนี้ติดต่อไกล่เกลี่ยขอคืนเงิน โดยไม่ได้รับรถและอุปกรณ์คืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ไมตรี แถมฉิมพลี" ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังซื้อรถกู้ภัย และอุปกรณ์ตัดถ่าง มาจากกู้ภัยอีกคนหนึ่ง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถและอุปกรณ์ที่รับบริจาคมาทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านต่อ : หนุ่มกู้ภัยแจง หลังรับซื้อรถตู้-อุปกรณ์ตัดถ่าง มารู้ทีหลังได้รับบริจาคมา)

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 67 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังที่ตั้งศูนย์กู้ภัยเวียงงาม บ้านหนองป่าแขม ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่รู้จักกันในนาม "สท.โอ๊ต กู้ภัยเวียงงาม" หนุ่มวัย 21 ปี ซึ่งเป็นคนที่ขายรถกู้ภัยคันที่ได้รับบริจาคมาก ให้กับนายไมตรี

โดย สท.โอ๊ต เปิดเผย โดยยอมรับผิดทุกประเด็นที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า ตอนนี้ได้ติดต่อกับคนที่ซื้อรถไปแล้ว ผ่านทางแชต เพื่อไกล่เกลี่ยขอคืนเงิน แต่จะไม่รับรถกู้ภัย และอุปกรณ์กลับคืนมา เนื่องจากคนที่ซื้อไปนั้น จะคืนให้กับเจ้าของเดิม คนที่บริจาค ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ส่วนเงินที่ขายรถได้นั้น ตนก็เอามาปรับปรุงรถที่มีอยู่ให้ดีขึ้น เพื่องานช่วยเหลือสังคม แต่ตอนนี้อาจจะต้องปิดศูนย์กู้ภัยเวียงงามไปก่อน และจะกลับมาเปิดเพื่อช่วยเหลือสังคมอีกครั้ง หลังจากเคลียร์ปมปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว โดยการเข้าระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะที่ เมื่อวานนี้ ทางเพจ "สมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "แถลงการณ์จากกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรกู้ชีพ-กู้ภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่องที่มีบุคคลภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอนกระทำการนำของที่รับบริจาคไปขายต่อ ตามที่สื่อโซเชียลและสำนักข่าวหลายสำนักได้นำเสนอข่าวออกไปแล้วนั้นและได้เกิดความเสื่อมเสียกับทางเครือข่ายพันธมิตรกู้ชีพ-กู้ภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย มูลนิธิบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน สมาคมกู้ภัยร่วมแม่ฮ่องสอน (ขุนยวม) สมาคมปายสามัคคีการกุศล สมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยแม่สะเรียง ขอยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวของกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว และขอยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเครือข่ายพันธมิตรกู้ชีพ-กู้ภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน และไม่ได้อยู่ในระบบบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดแม่ฮ่องสอน และขอแสดงจุดยืนว่าสิ่งของที่ได้รับบริจาคมานั้นทางเครือข่ายพันธมิตรได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือโดยไม่ได้นำไปใช้เป็นของส่วนตัวแต่อย่างใด

...

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเข้าใจผิดให้กับทางเครือข่ายพันธมิตรเป็นอย่างมาก จึงต้องออกมาแถลงการณ์ถึงจุดยืนขององค์กรในเครือข่ายไม่สนับสนุนหรือมีส่วนในเรื่องดังกล่าว จึงมาชี้แจงให้ทราบ"