หนุ่มกู้ภัยแจง หลังรับซื้อ "รถตู้-อุปกรณ์ตัดถ่าง" จากกู้ภัยอีกพื้นที่มา แต่รู้ทีหลังว่าเป็นของที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด ตอบกลับคนถามทำไมไม่เอะใจว่าทำไมซื้อถูก เพราะตัวเองเป็นพ่อค้ารถมือสอง

วันที่ 15 มี.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ไมตรี แถมฉิมพลี" ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังซื้อรถกู้ภัย และอุปกรณ์ตัดถ่าง มาจากกู้ภัยอีกคนหนึ่ง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถ และอุปกรณ์ที่รับบริจาคมาทั้งหมด


จากการสอบถาม นายไมตรี ทราบว่า ในตอนแรกอีกฝ่ายทักเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนมา เพราะตนเป็นพ่อค้ารถมือสอง และขายรถกู้ภัย เพื่อที่จะขายรถกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ของตัวเอง แต่ตอนนั้นตนได้ทำธุระอยู่ ไม่สะดวกตอบ จึงบอกให้ส่งรูปทิ้งเอาไว้ ส่วนรายละเอียดเอาไว้ค่อยคุยกัน ต่อมาเขาก็โทรเข้ามาหาเลย แล้วได้คุยราคา ฝ่ายนั้นขอมาที่ 200,000 บาท แต่ตนเองไม่สะดวกที่ราคานี้ เพราะเอาไปทำกำไรต่อไม่ได้ จึงตกลงราคากันได้ที่ 105,000 บาท พร้อมให้เอารถมาส่งให้

นายไมตรี บอกต่อว่า พอรถมาถึง ตนเห็นแล้ว จึงอยากจะเก็บรถคันนี้เอาไว้ใช้เอง เพื่อเอาไปวิ่งช่วยเหลือคน จึงเอาอุปกรณ์ไซเรนของตัวเองติดตั้งบนรถทั้งหมด และลองเอารถออกไปวิ่ง แต่พอวิ่งออกไปได้สักพัก ความร้อนมันขึ้น น้ำในหม้อน้ำดันออกมา ตนเลยโทรไปคุยกับอีกฝ่ายว่าเครื่องยนต์รถมันมีปัญหานะ จะช่วยอย่างไรได้บ้าง สุดท้ายตนจึงเสนอไปว่า ค่าซ่อมตนจะจัดการเอง แล้วให้อีกฝ่ายช่วยออกค่าอินเตอร์ 5,000 บาท แต่อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยง อ้างว่าเงินอยู่กับพ่อ ตนก็แปลกใจ เพราะวันที่เขาเอารถมาขาย เขาบอกว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ตนก็ไม่อะไร พอถึงเวลาจะจ่าย อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยง ตนเลยตัดสินใจโพสต์ขายอุปกรณ์ตัดถ่าง ซึ่งตนตั้งใจจะเอามาขายอยู่แล้ว จะเก็บไว้แค่รถ

...

ซึ่งหลังจากที่ตนโพสต์ไปแล้ว มีคนมาแชร์โพสต์ต่อไป พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า "ซื้ออุปกรณ์ตัดถ่างวันนี้แถมฟรีกุญแจมือในวันข้างหน้า" ตนก็เริ่มไม่สบายใจ คิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ จึงให้เพื่อนช่วยเช็กดูว่าอุปกรณ์พวกนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร จนไปเจอว่า ของพวกนี้เป็นของที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด แต่เขาเอามาขายให้เรา ตนจึงไปถาม เค้นถามฝ่ายนั้นว่า ของพวกนี้มาได้ยังไง พอเค้นไปเค้นมา อีกฝ่ายจึงยอมรับว่าของพวกนี้เป็นของที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมซื้อของมาได้ในราคาถูก ไม่เอะใจเลยเหรอ ตนอยากบอกว่า ตนเป็นพ่อค้า ก็ต้องซื้อของมาในราคาที่ถูกอยู่แล้ว มันไม่ได้น่าแปลกใจอะไร

นายไมตรี กล่าวต่อว่า พอติดต่อฝ่ายนั้นไปอีก เขาก็บอกว่าจะลองปรึกษาครอบครัวดู แล้วก็หายไปเลย ตนทักไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ จนเขาบอกว่าจะออกมาชี้แจงในไลฟ์สดของตัวเอง เขาก็มาไลฟ์จริงๆ แต่ก็เหมือนพูดไม่รู้เรื่อง ตนจึงขอเขาขึ้นไลฟ์ด้วย ให้คนอื่นได้เห็นชัดๆ ให้ได้ฟังความทั้งสองฝ่าย ว่าใครพูดจริงหรือพูดไม่จริง แต่เขาก็ไม่ยอม ตนจึงมาไลฟ์สดของตัวเองแจ้งรายละเอียดทุกอย่าง หลังจากนั้นเขาก็โทรติดต่อมาแต่ก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี จนเมื่อคืนตนทักไปหาเขาว่าให้เวลาถึง 8 โมงเช้า ให้แจ้งตนว่าจะเอาอย่างไร แต่จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังเงียบไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

ในส่วนของผู้ที่บริจาคสิ่งของมา ตนได้แจ้งให้ฝ่ายนั้นทราบเรื่องเบื้องต้นไปแล้ว แต่เดี๋ยวจะโทรไปคุยกันอีกที เพราะยังไม่ได้คุยรายละเอียดมากมาย เพราะทางนั้นก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้ตอนที่ตนติดต่อไป หลังจากนี้ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะเงินเสียไปกับตรงนั้นเยอะพอสมควร ถึงตนจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย แต่ตนก็เป็นพ่อค้า มีคนรู้จักพอสมควร มันเสียหายมาก เพราะลูกค้าก็ไม่มั่นใจในตัวตนแล้ว

ตนอยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่า ถ้าอยากเป็นอาสาสมัครต้องพร้อม ถ้าไม่พร้อมอย่าไปทำ อย่าไปร้องขอรับบริจาคจากใคร แต่ถ้ามีคนมาบริจาคให้ แล้วคุณคิดจะเลิกทำตรงนี้ ก็ควรจะเอาของไปบริจาคให้กับมูลนิธิใดก็ได้ อย่าเอามาขายแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง และตนก็อยากจะฝากบอกคนในพื้นที่ ที่ทักเข้ามาหาตนว่าเคยโดนบุคคลนี้ทำอะไรเอาไว้บ้าง ก็อยากให้ช่วยออกมาพูดกับสื่อหน่อย ว่าอีกฝ่ายสร้างเรื่องอะไรเอาไว้.