ม้วนเดียวจบ สงครามสาวสอง กะเทยไทย vs กะเทยฟิลิปปินส์ จนแฮชแท็ก #สุขุมวิท11 ติดเทรนด์โซเชียล ด้านสาวสองปินส์ สวมเกาะอกดำ ตัวต้นเรื่อง ล่องหน

วันที่ 5 มี.ค. 67 บอกได้เลยว่า วันนี้กระแสที่ร้อนแรง คงไม่พ้น #สุขุมวิท11 จากกรณี  "กลุ่มสาวประเภทสอง" หรือ LGBTQ+ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า "พี่กะเทย" ชาวไทยจำนวนมาก ที่มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะอยากจะมากอบกู้ศักดิ์ศรีคนไทย ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน ซ.สุขุมวิท 11 เนื่องจากมีปัญหากระทบกระทั่งกับแก๊งสาวสองชาวฟิลิปปินส์ จนพี่กะเทยชาวไทย ถูกทำร้ายบาดเจ็บ แต่เมื่อไปถึงสาวสองชาวฟิลิปปินส์ กลับไม่ยอมลงมาเจอ

โดยสาเหตุนั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า มาจากการที่กะเทยฟิลิปปินส์ พยายามมายั่วยุ ท้าให้ น้องไวน์ กะเทยฝั่งไทย หวังว่าฝั่งไทยจะเปิดก่อน เพราะหากเปิดก่อน ทางฟิลิปปินส์จะได้เปรียบ พร้อมล้อเลียนกะเทยไทยว่า เลดี้บอย แต่ก็แยกย้ายกันไปในที่สุด แต่โลกกลับเหวี่ยงให้มาเจอกันอีก ซึ่งรอบสองนี้ กะเทยไทย ถูกรุมด่า และอีกฝั่งยังมาถลกกระโปรง จนเห็นกางเกงใน เพื่อยั่วยุ และอวดว่าตัวเองได้แปลงเพศแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ทางฝั่งไทยใจเย็นมาก และอัดคลิปไว้เป็นหลักฐาน

...

ในวันเดียวกัน ขณะที่กลุ่มกะเทยไทยอยู่ที่ร้านอาหาร ทางกลุ่มสาวสองฟิลิปปินส์ได้พาพวกมารุมทำร้ายกะเทยไทย ประมาณ 20 ต่อ 4 ช่วงชุลมุนสาวสองฟิลิปปินส์มีการหยิบกระเป๋าไป และเมื่อตามคืนมาได้ พบว่ามีเงินหายไปประมาณ 2,000 กว่าบาท และยังได้นำคลิปเหตุการณ์ไปโพสต์เหยียดหยามกะเทยไทยด้วย

หลังเกิดเหตุได้โทรแจ้งตำรวจ แต่ต้องรอเจ้าหน้าที่ประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นทางกลุ่มสาวสองฟิลิปปินส์ก็แยกย้ายกันไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีตัวต้นเหตุเพียง 4 คน คำถามคือคนที่เหลือไปไหน ทางกลุ่มกะเทยไทยที่โดนทำร้ายจึงโพสต์ขอความช่วยเหลือ จนมีการแจ้งข่าวกันและรู้ว่ากลุ่มสาวสองฟิลิปปินส์อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในสุขุมวิท 11 กะเทยไทยที่รู้ข่าวจึงไปรวมตัวกันที่โรงแรม เพราะต้องการให้คนที่ก่อเหตุที่หลุดไปถูกดำเนินคดี

แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลงมาเจอ และยังเปิดหน้าต่างเต้นยั่วยุอยู่ข้างบน กระทั่งมีหนึ่งในสาวสองฟิลิปปินส์ เป็นตัวแทนลงมาเอาข้าวกล่องด้านล่างของโรงแรม พร้อมกับส่ายก้นยั่วยวนกวนโมโห ก่อนพยายามรีบหนีเข้าไปในลิฟต์ แต่เจ้ากรรม ลิฟต์ดันปิดช้า ทำให้กะเทยไทยไปคว้าตัวออกมาได้ทัน และเกิดการตะลุมบอนขึ้น โดยมีพนักงานของโรงแรมพยายามห้าม แต่บอกเลยว่า ยังไงก็สู้แรงไม่ไหว สะบักสะบอมไปตามกัน จนกลายเป็นตำนาน 4 มีนาคม "วันกะเทยผ่านศึก"

จากนั้นมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ให้เข้ามาระงับเหตุที่โรงแรม โดยมีเพื่อนของเพื่อนกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสาวไทย ช่วยขึ้นไปเกลี้ยกล่อม ให้ทั้งหมดยอมลงไปเจรจากันที่โรงพัก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยอมไป จนเกิดการตั้งคำถามว่า แล้วตัวต้นเรื่อง ที่เป็นสาวสองเกาะอกชุดดำนั้น ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว

และจากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้โลกโซเชียลปรากฏมีมใหม่ของกะเทยไทยจำนวนมาก ที่ออกท่าทางสู้กับกลุ่มของฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะเป็น วิชาตัวเบา หน่วยจู่โจม ส้นเท้านารี หนุมานถวายแหวน หรือธิดาวานร

แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะจากเหตุการณ์นี้ มีหนุ่มไทย กล้ามแน่น ที่เข้าไปช่วยเหลือกะเทยไทย ถูกควบคุมตัว และถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ส่วนร้านค้าที่ได้รับความเสียหาย ก็ออกมาเรียกร้องให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ออกมารับผิดชอบ

ขณะที่ในโลกโซเชียล เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ LGBTQ+ ทั้งไทย และต่างชาติที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงบางคนยังได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนด้วย และก็ยังมีบางส่วนที่ออกมาเตือนว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้อยากให้มองว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ทั้งยังตั้งคำถามไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่า กะเทยฟิลิปปินส์กลุ่มใหญ่นี้ เข้ามาทำอะไรในไทยกันแน่ และถึงเวลาที่ไทยควรจะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่แล้วหรือยัง

ซึ่งประเด็นนี้ สาวไทย ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อน คนที่ช่วยประสานที่โรงแรมให้นั้น ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการดัง อ้างว่า สาวประเภทสองกลุ่มนี้เข้ามาในไทย เพื่อขายบริการ แต่ก็ไม่ได้บอกระบุชัดเจนว่าเป็นบริการประเภทไหนกันแน่ ซึ่งเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ตำรวจ ตม. ได้ลงพื้นที่ตรวจโรงแรมที่กะเทยฟิลิปปินส์เข้าพัก ยืนยันไม่มีจุดนัดพบค้าประเวณีแน่นอน ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น อยู่ระหว่างการสืบทราบตัวบุคคล ก่อนจะยืนยันได้ว่า ผู้ที่ก่อเหตุได้ออกจากประเทศไทยไปแล้วหรือยัง แต่หากออกไปแล้ว ก็จะมีขั้นตอนการดำเนินการต่อ เช่น การออกหมายแดง หรือหมายน้ำเงิน

ด้านนักกฎหมายอย่าง ทนายเจมส์ ทนายความชื่อดัง ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ ผ่านรายการเปิดปากกับภาคภูมิว่า หลังจากดูคลิปเหตุการณ์แล้ว ประเด็นแรกคือ กลุ่มคนเหล่านี้เข้าไทยได้อย่างไร หากเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวก็ต้องเป็นนักท่องเที่ยว แต่ปัญหาคือ เหมือนเขาเข้ามารับงานเอนเตอร์เทน เป็นการใช้วีซ่าผิดประเภท ซึ่งมีความผิด 

ประเด็นที่ 2 คือ คนฟิลิปปินส์มาทำร้ายคนไทย แล้วคนไทยไปแจ้งความ ในขณะเดียวกัน คนไทยที่ไปรุมเขา ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเขาจะแจ้งความเรากลับหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นการเสียค่าปรับ เพราะเหตุการณ์ชุลมุนมาก

ซึ่งตามหลักของกฎหมายจะเห็นว่าในเหตุการณ์ช่วงแรกที่ "น้องไวน์" สาวสองไทยโดนยั่วยุ ถือเป็นความผิดฐานหนึ่งคือ ข่มขู่ คุกคาม และอาจจะมีประเด็นเรื่องไม่ยอมให้น้องไวน์ไปไหนด้วย คือมีการเดินรุมล้อม แต่จะถึงขั้นเป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพหรือไม่นั้น ต้องดูอีกที ซึ่งสามารถแจ้งความได้เลย

ประเด็นที่ 2 คือมีการรุมทำร้าย 20 ต่อ 4 คน ประเด็นที่ 3 คือ มีการไปแจ้งความแล้ว มีการบอกพิกัดให้ตำรวจไปเชิญตัวที่โรงแรม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมลงมา จนมาโดนคนไทยกดดัน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ คาดว่าประเมินศักยภาพต่ำไปจึงเตรียมกำลังไปแค่นั้น