ยายสุดอัดอั้น ร่ำไห้ หวาดกลัวหลานชายติดยาบ้า วอนราชการช่วยเหลือพาไปบำบัดรักษา ด้านตำรวจเร่งหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 มกราคม 2567 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดลงในกลุ่ม ชุมชนข่าวขอนแก่น โดยเป็นเหตุการณ์ชายถือมีดเข้ามาภายในบ้านของนางไพร เพื่อขอเงินนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ นางไพรจึงบอกว่าจะไปยืมเงินคนอื่นมาให้ แต่ชายรายดังกล่าวยังคงอาละวาดเอามีดฟันสิ่งของในบ้าน 

ทางเจ้าของโพสต์ ได้ระบุอีกว่า "แม่สุดทนวอนช่วยเหลือ ลูก_อาละวาดขอเงินซื้อยาบ้า บ่มีมันกะทำลายข้าวของ ขอหน่วยงานปราบยาเสพติด ครอบครัวอยู่ยาก เป็นบุคคนอันตราย ช่วยเหลือแน่จร้า แจ้งตำรวจกะบ่อจับให้จักเทื่อ" ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ก่อนที่จะเกิดอันตราย มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือถึงขั้นเสียชีวิต

จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าของโพสต์คือ นางเมตตา อายุ 50 ปี เป็นมารดาของชายถือมีดที่ปรากฏในคลิป โดย นางเมตตา เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ผู้ชายในคลิปคือ นายปรีชา อายุ 35 ปี บุตรชายคนโต ลูกชายถือปืนไปข่มขู่ขอเงินจากยาย ถ้าไม่ได้ก็จะอาละวาดโวยวาย จนยายเกิดความหวาดกลัว หวาดระแวง คนในหมู่บ้านต่างผวาไปด้วยเช่นกัน และยอมรับว่าลูกชายกลายเป็นภัยสังคม เป็นคนอันตรายในหมู่บ้านไปแล้ว อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาตัวลูกชายไปบำบัดยาเสพติดให้หายขาด เพราะลูกชายติดมานานกว่า 10 ปีแล้ว

นางเมตตา กล่าวอีกว่า ตนทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ที่บ้านมีมารดา ซึ่งก็คือ นางไพร อาศัยอยู่คนเดียว ลูกหลานคนอื่นๆ ก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้าน นายปรีชา ลูกชายติดยาเสพติดมากว่า 10 ปี มาที่บ้านเพื่อขอเงินกับยายทุกวัน อ้างเหตุผลสารพัดเพื่อมาขอเงิน โดยส่วนใหญ่จะอ้างเป็นค่าใช้จ่ายของลูก หากไม่มีให้ก็จะอาละวาดโวยวาย เคยมีเหตุการณ์ที่ถูกจับไปแค่คุมขังไม่นาน ก็ปล่อยตัวออกมาใช้ชีวิตแบบเดิม และหนักขึ้นเรื่อยๆ เคยแจ้งความกับตำรวจ ตำรวจเคยเอาตัวไปไม่นานก็ปล่อยตัวออกมา เคยขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยนำตัวลูกชายไปบำบัดยาเสพติดให้หาย แต่ตนเองไม่มีเงิน เพราะทางตำรวจบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวหากจะนำตัวไปบำบัด ก็จะมีค่าใช้จ่ายรวมแล้วประมาณ 20,000 บาท เป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ยังไม่มีเงินแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือ เอาลูกชายไปบำบัดยาเสพติดให้หาย

...

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านห้วยไส้ไก่ ต.ท่าศาลา อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นของ นางไพร อายุ 77 ปี ที่ปรากฏในคลิป ได้พาเดินไปดูที่กองกระสอบปุ๋ย บริเวณครัวที่จัดเก็บถ้วยชาม และยุ้งข้าวที่เก็บข้าวเปลือก รวมทั้งตู้เสื้อผ้าในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่ นายปรีชา หลานชายมาขโมยเอาทั้งปุ๋ย ข้าวเปลือก ถ้วยชามและผ้าไหมไปขาย เอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ และพาดูจุดหลบภัยที่ทำเป็นประตูกรงเหล็กล็อกกั้นระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ของบ้าน หากหลานชายเข้ามาในบ้าน ก็จะรีบไปหลบอยู่ด้านบนเพื่อความปลอดภัย จนกว่าหลานชายจะออกจากบ้านไป นอกจากนี้ยังได้ทำกรงเหล็กใส่ทั้งประตูหน้าต่างรอบบ้านอีกด้วย

นางไพร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลานชายไม่ทำงาน ไม่มีใครจ้าง เพราะเป็นบุคคลอันตราย สร้างความเดือดร้อนบ่อยครั้ง อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกอยู่ที่ทุ่งนา ในทุกๆ วันจะมาขอเงินไปซื้อยาบ้าเสพ หากไม่ให้ก็อาละวาด นอกจากนี้ หลานชายยังไประรานชาวบ้านรายอื่นๆ ก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย บุกรุกบ้านคนอื่น อ้างตัวเป็นตำรวจ ไปค้นบ้านชาวบ้าน สร้างปัญหาเดือดร้อนให้คนไปทั่ว เกิดจากต้องการเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ ซึ่งตนอัดอั้นตันใจ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ต้องเจอความเดือดร้อนทุกวัน 

ก่อนที่ตาจะสิ้นใจ เคยเตือนยายว่าให้ระวังหลานชายคนนี้เอาไว้ และก็เป็นตามคำที่สามีพูดจริงๆ จึงอยากให้ทางราชการมาช่วยเหลือ นำหลานชายไปบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด เพราะถ้าไม่ช่วยเกรงว่า หลานชายจะฆ่าและทำร้ายคนอื่นจนถึงแก่ชีวิตได้

ด้าน นายชำนาญ ปานกลาง ผู้ใหญ่บ้านห้วยไส้ไก่ หมู่ที่ 1 เปิดเผยว่า พฤติกรรมของนายปรีชานั้น บอกได้คำเดียวว่าแสบมาก ก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย ข่มขู่อาละวาดในพื้นที่เป็นประจำ หนำซ้ำยังอ้างตัวเป็นตำรวจเข้าไปขอตรวจค้นภายในบ้านชาวบ้าน ลักษณะเหมือนประสาทหลอน จนชาวบ้านทุกคนเอือมระอา และเมื่อปีที่ผ่านมาไม่นานนี้ นายปรีชาได้เข้าไปตัดไม้ในโรงเรียนในหมู่บ้าน จนทางโรงเรียนแจ้งความเอาผิด ตนเองในฐานะผู้นำก็มีการเฝ้าระวังและแจ้งตำรวจมาเอาตัวไปอยู่ตลอด แต่ก็กลับออกมาทำพฤติกรรมแบบเดิมๆ บางครั้งก็ลากมีดเดินตามถนนในหมู่บ้าน บางครั้งก็ยิงปืนขึ้นฟ้า อาละวาดคนไปทั่ว ทางเดียวคือต้องนำตัวไปบำบัดให้หายขาด

ขณะที่ พ.ต.อ.พิชัย นาขันดี ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจและทางปกครองจะมีโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด เป็นการบำบัดโดยมีส่วนร่วมของสังคม ที่ผ่านมามีการดำเนินการนำผู้ป่วยยาเสพติดมาเข้าโครงการ และใช้วิธีธรรมะขัดเกลา และฝึกหาอาชีพให้สร้างรายได้มาแล้ว 3 รุ่น แต่ถ้าถามผลลัพธ์ว่าหายร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ตอบได้ว่าไม่ แต่อย่างน้อยก็สามารถบำบัดได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะไม่ย้อนกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยเป็นศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติดโดยเฉพาะ

ในส่วนของนายปรีชานั้น ตำรวจจะประสานกับทางอำเภอ เพื่อหาแนวทางป้องกัน ระงับเหตุ ซึ่งจะมีการใช้มาตรการเบื้องต้น ร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเป็นการควบคุมสถานการณ์รอกำลังเสริมสนับสนุนจากตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตามยุทธวิธีที่ฝึกมา โดยในการส่งเข้ารับการบำบัดนั้น อยู่ที่ญาติ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเจ้าตัวบอกไม่ป่วย ก็จะมีการดำเนินการในส่วนที่ทำได้ เช่น มาตรการเบื้องต้น ส่วนการนำตัวไปบำบัดยาเสพติดนั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ในข้อหาเสพยาเสพติดทุกวันนี้โทษน้อย จึงเข้าบำบัดไม่นานก็ออกมา ตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจสามารถควบคุมตัวได้เพียง 48 ชม. เมื่อเราได้ตัวก็จะให้สงบสติอารมณ์ก่อนนำตัวตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล หากพบสารเสพติดในร่างกายก็จะทำบันทึกจับกุมดำเนินคดีในส่วนนั้นไป ในการทำงานจึงต้องร่วมกันหลายฝ่ายเพื่อดำเนินการ เพราะบางเคสเป็นผู้ป่วยจิตเวช เราอาจเป็นเพียงผู้ช่วย ซึ่งทางแพทย์จะมีวงรอบในการตรวจอยู่แล้ว 


ที่ผ่านมา กรณีนายปรีชานั้น ทางตำรวจยืนยันดำเนินการเต็มที่ เมื่อรับแจ้งก็ลงพื้นที่ทันที แต่ด้วยระยะทางไกลทำให้ต้องใช้เวลา เพราะอำเภอมัญจาคีรีเป็นพื้นที่กว้าง บางกรณีไกลถึง 30 กม. อย่างบ้านห้วยไส้ไก่นั้นห่างจากโรงพักเกือบ 20 กม. เมื่อไปถึงนายปรีชาก็หลบหนีไปแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเพราะญาติเองต้องการให้นายปรีชาออกจากบ้านไปโดยเร็วจึงขู่ว่าแจ้งตำรวจแล้ว พอตำรวจมาไม่เจอแล้วกลับไป นายปรีชาก็ย้อนมาอีก 


ในส่วนนี้หากทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ทางตำรวจก็จะดำเนินคดีทันที อย่างที่ผ่านมาทางตำรวจได้รับแจ้งและดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดและลักทรัพย์ในปี 65 จนถึงขณะนี้มี รวม 4 คดี ปี 65 คดียาเสพติด 2 คดี คดีตัดต้นไม้ลักทรัพย์ในโรงเรียนบ้านห้วยไส้ไก่ 1 คดี และปี 66 คดีเสพยาเสพติด 1 คดี ในคดีอื่นๆ นั้นทางตำรวจยังไม่ได้รับแจ้ง.