ชื่นชม "น้องอิงอิง" เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ยอดกตัญญู ออกรับจ้างทำทุกอย่างขอแค่ได้เรียนหนังสือ และหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

วันที่ 20 พ.ย. 66 เป็นเรื่องที่ใครเห็นก็อดชื่นใจ ปนเห็นใจไม่ได้ สำหรับเรื่องของ "น้องอิงอิง" วัย 10 ขวบ แม่ค้าตัวน้อยเห่ขายผลไม้และถั่วต้ม จนชาวบ้านยกเป็นสาวน้อยยอดกตัญญู ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนออกขาย ช่วยย่าหารายได้ให้ครอบครัวและส่งตัวเองเรียน 

โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อพบกับ ด.ญ.กฤตาภรณ์ หรือ น้องอิงอิง เมฆพยับ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นเด็กสู้ชีวิต โดยเช้าทุกวันน้องจะล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน หลังเลิกเรียนน้องจะกลับมาช่วยคุณย่าเตรียมผลไม้ และต้มถั่ว ไปขายในช่วงเย็น ส่วนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะออกรับจ้างทำงานทุกอย่าง ทั้งล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน หรืองานรับจ้างต่างๆ เพื่อหาเงินช่วยครอบครัว และส่งตัวเองเรียนหนังสือ

ซึ่งน้องอาศัยอยู่กับพ่อและย่า โดยพ่อของน้องมีโรคประจำตัว จะทำงานที่ใช้แรงไม่ได้ จึงไม่มีรายได้ที่แน่นอน เสาหลักของครอบครัวจึงตกมาอยู่ที่ย่า คือ นางกรรณิกา หรือ คุณย่าน้อง วงศ์แสนใจ อายุ 60 ปี ที่มีอาชีพเปิดขายผลไม้อยู่ริมถนนใต้สะพานสิริลักขณ์ จุดกลับรถท่าเสา มานานกว่า 7 ปี แต่แล้วชีวิตได้แปรผัน ได้มีการก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว และไม่ให้เปิดร้านขายผลไม้ ทำให้คุณย่าไม่มีรายได้ส่ง น้องอิงอิง เรียนหนังสือ และจะให้น้องดรอปเรียนไปก่อน คุณครูและผู้ที่ทราบเรื่อง จึงประสานงานกันยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

...

คุณย่าน้อง เล่าว่า หลังน้องอิงอิงเกิด คุณแม่และพ่อของน้องได้แยกทางกัน ทำให้เธอต้องรับน้องมาเลี้ยงตั้งแต่เกิด และเลิกอาชีพที่ทำอยู่ มาขายผลไม้อยู่บริเวณใต้สะพานกลับรถริมแม่น้ำท่าเสาใกล้บ้านพัก จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีการก่อสร้างถนนใต้สะพานและวางแท่นปูนปิดกั้น ทำให้ไม่สามารถเปิดร้านขายผลไม้ได้ และเริ่มขาดรายได้ รวมถึงเงินที่จะส่งน้องเรียน จึงคุยกับน้องว่า อยากให้ขอหยุดเรียนชั่วคราว แต่น้องกลับก้มกราบ เพราะอยากเรียนต่อ และว่าจะไปทำงาน เพื่อส่งตัวเองเรียน ซึ่งตอนนั้นน้องอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น

โดยน้องจะออกไปรับจ้างล้างจาน และทำความสะอาดบ้านในละแวกใกล้บ้าน ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อนำเงินมาให้ใช้เลี้ยงครอบครัว และเก็บไว้สำหรับไปโรงเรียน จนชาวบ้านทราบเรื่องก็สงสาร แนะนำให้ตนแพ็กผลไม้และถั่วต้ม ไปขายตามร้านอาหาร ซึ่งก็ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งน้องเองก็อยากจะไปช่วยขาย แต่ตนไม่อยากให้น้องไป เพราะกลัวคนจะมองไม่ดี จะหาว่าพาเด็กมาทรมาน ใช้แรงงานเด็ก

คุณย่าน้อง เล่าต่อว่า แต่สุดท้ายก็ยอมให้น้องไปช่วยขาย เพราะทนคำรบเร้าไม่ไหว แต่ก็มีข้อแม้ว่า ให้แค่หกโมงเย็นจนสองทุ่มครึ่งเท่านั้น เพราะต้องการให้น้องพักผ่อน และไปเรียนหนังสือ จนล่าสุดรถจักรยานยนต์เสีย ต้องนำเงินทั้งหมดที่มีไปซ่อม ทำให้ครอบครัวขัดสน และคิดจะให้น้องหยุดเรียนอีกครั้ง ชาวบ้านก็คอยมาให้กำลังใจ ตนและน้องก็เกรงใจ ซึ่งน้องเป็นเด็กเรียนเก่งและผลการเรียนดี และยังเป็นนักดนตรีของโรงเรียนด้วย

ซึ่งน้องเคยถามตนว่า "ทำไมเราไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน เหมือนคนอื่น" จนตนต้องคอยปลอบใจและบอกน้องเสมอว่า "อย่าน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะผลบุญทุกคนไม่เท่ากัน แต่ถ้าเราทำความดี สักวันต้องมีคนเห็นและมาช่วยเหลือเรา" ทำให้น้องเข้าใจและไม่เคยคิดน้อยเนื้อต่ำใจอะไรอีก

ส่วนที่พัก ก็เป็นบ้านของญาติฝ่ายสามี ที่ให้อาศัยอยู่ชั่วคราว ภายในห้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงพัดลมและหม้อหุงข้าว ซึ่งตนอยากได้รับการช่วยเหลือเรื่องที่อยู่ และทุนการศึกษาของน้อง เพราะห่วงอนาคตของน้อง



ขณะที่ น้องอิงอิง บอกว่า ชอบขอย่าไปช่วยขายของ เพราะห่วงคุณย่า ที่มักจะปวดขา ขึ้นลงรถจักรยานยนต์ลำบาก แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณย่าไม่มีเงิน จึงอยากช่วยหาเงินมาจุนเจือ และจะได้มีเงินไปเรียนหนังสือ 

เมื่อถามว่า อยากได้อะไรที่สุด น้องอิงอิง บอกว่า อยากเรียนหนังสือให้จบสูงที่สุด และอยากเป็นครู จะได้มีเงินเลี้ยงดูคุณย่ากับคุณพ่อที่ป่วยให้สบายเหมือนคนอื่นเขา

สำหรับท่านใดอยากช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุกการศึกษา น้องอิงอิง ยอดกตัญญู สามารถช่วยเหลือได้ที่เลขบัญชี 1023380451 ชื่อบัญชี นางกรรณิกา วงศ์แสนใจ ธ.กสิกรไทย (คุณย่าของน้อง).