ศจร.ตร.แถลงภาพรวมการจราจรทั่วประเทศ ช่วงวันหยุดพิเศษยาววันที่ 28 ก.ค.ถึงวันที่ 2 ส.ค. วันแรกเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บแล้ว 1,871 ราย และเสียชีวิต 22 ราย สาเหตุหลักเกิดจากการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด หลับใน ขับรถตามคันหน้าระยะประชิด เปลี่ยนเลน และเลี้ยวรถตัดหน้ากระชั้นชิด ส่วนผลการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับทั่วประเทศ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจับกุมแล้ว 157 ราย เตือนประชาชนดูแลสภาพร่างกาย สภาพรถ และตรวจสอบเส้นทางให้แน่ใจก่อนออกเดินทาง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 ก.ค. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งกำชับให้ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่พี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางการจราจรเดินทาง ช่วงวันหยุดต่อเนื่องรวม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.ถึงวันที่ 2 ส.ค. ในวันแรก (28 ก.ค.) มีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา บางส่วนเดินทางออกไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด ทำให้มีปริมาณรถหนาแน่น สภาพการจราจรโดยรวมบนถนนสายหลักในหลายพื้นที่ติดขัดเป็นบางช่วง
“ข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนประจำวันที่ 28 ก.ค.พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1,871 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 22 ราย สาเหตุหลักเกิดจากการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลับใน ขับรถตามคันหน้าในระยะประชิด เปลี่ยนเลนและเลี้ยวรถตัดหน้ากระชั้นชิด จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย สภาพรถ ตรวจสอบเส้นทาง และขอให้มีสติขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมาย ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ในบริเวณที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือฝ่าฝืนกฎหมาย และทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น โดยในวันที่ 28 ก.ค.มีผลการจับกุมเมาแล้วขับแล้วจำนวน 157 ราย” รอง ผบ.ตร.กล่าว
...
ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศจร.ตร.กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์เตือนพี่น้องประชาชน การขับขี่รถในขณะเมาสุราเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ หากบุคคลทั่วไปมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และสำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 20 ปีหรือมีใบอนุญาตขับรถชั่วคราว ใบขับขี่ไม่ตรงประเภท หรือไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่ามีความผิดเมาแล้วขับ หรือหากปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ก็เท่ากับเมาแล้วขับ
“นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำในกรณีดังนี้ 1.ทำผิดครั้งแรกอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-10,000 บาท 2.ทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับภายใน 2 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000-100,000 บาท โดยศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วย พร้อมถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่” พล.ต.ท.นิธิธรกล่าว
พล.ต.ท.นิธิธรกล่าวด้วยว่า หากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนสามารถสอบถาม แจ้งขอความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุขัดข้องด้านการจราจรได้ตลอด 24 ชม.ที่ 191 ฝ่ายจราจรทุก สน.หรือ สภ.เบอร์โทร.1197 สายด่วนตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร หรือปริมณฑล สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ ช่วงหยุดยาวขอให้ประชาชนทุกท่านขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง เดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ด้วยความห่วงใยจากศูนย์บริหารงานจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ