คนขับรถร่วม บขส. ชี้แจงปม "รถบัสยางแตกแต่วิ่งต่อ" พร้อมเล่านาทีเกิดเหตุ ยืนยันบอกผู้โดยสารแล้วว่ารถยางแตก ขอวิ่งแบบช้าๆ ไปเปลี่ยนที่สถานีขนส่ง เพราะห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม.เท่านั้น

จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยจัดให้ รีเทริน์ Part 6 ได้นำคลิปของผู้ใช้บริการรถสาธารณะรายหนึ่ง ที่ออกมาโพสต์ข้อความตำหนิถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยของรถโดยสาร พร้อมระบุข้อความว่า "ผู้โดยสารจะเชื่อมั่นในความปลอดภัยได้อย่างไร ยางแตกแต่ฝืนวิ่ง บขส. แปดริ้วฉะเชิงเทรา รถยางแตก แผ่นปิดรูกระเด็นขึ้นมา ดีนะที่มีกระเป๋าปิดไว้ ไม่งั้นโดนขาเต็มๆ แต่ยังไม่ยอมจอด เพื่อเอารถมาเปลี่ยน แต่ยังขับต่อเพื่อไปเปลี่ยนที่สถานีขนส่ง ความปลอดภัยอยู่ตรงไหน ทำไมไม่มีการเช็กสภาพรถก่อนได้บริการ แย่มากๆ" ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด วันที่ 30 พ.ค. 2566 นายสุนทรวุฒิ สุพรหมมา นักวิชาการขนส่งชำนาญการ พร้อมด้วย นายช่างตรวจสภาพรถ และเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา เดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยได้พบกับ นายธนภัทร สันทัดค้า อายุ 30 ปี ผู้ประกอบการรถร่วม บขส. สาย 9916 วิ่งระหว่างอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต กรุงเทพฯ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุเป็นวันเสาร์ที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา รถบัส 6 ล้อที่มีนายพรมมะทา ทาเงิน เป็นคนขับ ได้ขับรถออกมาจากอรัญประเทศ กำลังจะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร

แต่พอมาถึงหน้ามัสยิดกลางฉะเชิงเทรา ถนนมหาจักรพรรดิ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนั้นห่างจากสถานีขนส่งประมาณ 1 กิโลเมตร เกิดยางหลังฝั่งขวาระเบิด ซึ่งอาจเกิดจากยางไปเหยียบทับของมีคม จนทำให้ยางแตก นายพรมมะทา จึงได้โทรศัพท์ประสานมายังบริษัท โดยทางบริษัทได้บอกให้เข้ามาที่สถานีขนส่ง เพื่อมาเอายางอะไหล่ไปเปลี่ยน แล้วก็นำผู้โดยสารไปเปลี่ยนถ่ายขึ้นรถคันใหม่ เพื่อเดินทางต่อเข้ากรุงเทพฯ

...

จากนั้นใช้เวลาเปลี่ยนยางอะไหล่อยู่ประมาณ 15 นาที ก็สามารถเดินทางต่อไปได้ ซึ่งได้ชี้แจงกับผู้โดยสารเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว และก็ไม่เห็นมีผู้โดยสารคนใดที่ท่าทีไม่พอใจแต่ประการใด ส่วนประเด็นที่มีผู้โดยสารระบุว่า มีแผ่นปิดกระเด็นขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่ขนส่งได้เข้าทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าแผ่นดังกล่าวถูกปิดอย่างแน่นหนา โดยมีนอตหกเหลี่ยมหมุนล็อกปิดไว้ทั้ง 4 ด้าน จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะกระเด็นขึ้นมา ที่สำคัญไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับยางที่แตกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เสียงของเศษยางที่แตกอาจกระทบกับพื้นที่อยู่ด้านใต้ เลยทำให้มีเสียงดังจนดูเหมือนว่ามีบางสิ่งกำลังจะกระเด็นออกมาก็เป็นไปได้ ส่วนยางรถทั้ง 6 เส้นที่ใช้ในการวิ่ง ตรวจสอบแล้วอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีการชำรุดเสียหายแต่ประการใด

ทางด้าน นายพรมมะทา โชเฟอร์คนขับรถร่วม บขส.คันดังกล่าว เผยว่า หลังทราบว่ายางแตก ตนได้บอกกับผู้โดยสารไปแล้วว่ารถเกิดยางแตก แต่ไม่เป็นอะไรเพราะเนื่องจากล้อหลังมีข้างละ 2 ล้อ จึงขอวิ่งแบบช้าๆ เพื่อไปเปลี่ยนที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร เพราะห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม.เท่านั้น ซึ่งก็ไม่เห็นผู้โดยสารคนไหนว่าอะไรเลย แล้วตนเองก็ขับรถมาช้าๆ ตามที่ปรากฏ.