ที่เวียงจันทน์ วันเปลี่ยนแปลงการปกครองลาว 2 ธ.ค.2518 เครื่องดื่มหลังมื้อเที่ยง ก่อนลามาส่งข่าวที่หนองคาย แน่นอน! ไม่ลืมสั่งเบียร์คอหมาป่า เบียร์ยี่ห้อนี้ ใครไปพ้นเขตแดนไทย เป็นต้องสั่ง

มื้อค่ำหนึ่ง ที่หลวงพระบางรอบนี้ เจ้าภาพมีแชมเปญให้ ผมยังนึกถึงความหลัง สั่ง “เบียร์ลาว” แต่ร้านไม่มี มียี่ห้อเดียว เบียร์หลวงพระบาง เข้าเรื่องเลย มุกที่คุยจนเบื่อ ไปลาวสั่งเบียร์ทีไรไม่ได้กิน ได้กินแต่ “เขยลาว”

“เขยลาว” ในภาษาเขียนของเขา ก็คือเบียร์ในภาษาของเรา แต่วันนี้ ผมมีเรื่อง “เขยลาว” ลูกเขยลาวตัวจริง ทหารไทยที่ไปรบที่ลาว แล้วได้เมียลาว เล่าให้ฟัง

ในหนังสือ “สมบัติชีวิต” ครบรอบ 86 ปี ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว (สำนักพิมพ์พื้นภูมิเพชร พ.ศ.2565) ตอน ฝากรักไว้ที่เมืองงอย อาจารย์ล้อม เล่าว่า

จากหลวงพระบาง นั่งรถลดเลี้ยวไหล่เขาไปลงเรือที่หนองเขียว หรือเมืองงอยใหม่ จีนสร้างสะพานเชื่อมถนนไว้ ชุมชนเมืองงอยใหม่ก็เกิดขึ้นตรงนั้น ลงเรือขึ้นเหนือไปอีกสองชั่วโมง ก็ถึงเมืองงอย

เรือจอดขึ้นฝั่ง อาจารย์ล้อมคุยกับแม่เฒ่าพา อายุ 104 ปี ยังแข็งแรง พูดจาฉะฉาน ตอนสาวๆแกเป็นหัวหน้าแม่หญิงเมืองงอย ทุกครั้งที่เจ้าเพชรราชเสด็จมา จะตามแม่เฒ่าไปทำครัว เพราะมีฝีมือในการทำอาหาร

แม่เฒ่าเล่า แกเป็นแม่บุญธรรม ร.อ.กองแล หัวหน้าคณะปฏิวัติลาว รุ่น จอมพลสฤษดิ์ ของไทย ร.อ.กองแล เป็นเจ้าของวาทะ “ที่ใดมีหม้อนึ่งข้าวเหนียว ที่นั่น แม่นแล้ว ราชอาณาจักรลาว”

คุยนำร่องแล้วอาจารย์ล้อม ก็ชวนเข้าเป้า...คุยเรื่องทหารไทยไปปราบฮ่อ...แม่เฒ่าเล่าว่า ฟังต่อมาจากยายอีกที “ทหารไทยขี้มักหลาย (เจ้าชู้)

...

ตำนานรักหนึ่ง...อ้ายเล็บสง่า (ร้อยโท) ครูฝึก ฝากรักสาวลาวเอาไว้ ก่อนลากลับ ปลูกหมากมี่ (ขนุน) ไว้ตรงท่าน้ำ บอกให้สาวไว้ดูต่างหน้า

เมื่อหมากมี่มีลูก ก็ให้ถือเหมือนน้ำใจที่มอบให้สาว ขนุนต้นนั้นยังอยู่ที่ท่าน้ำจนบัดนี้

ทหารไทยอีกคน อ้ายดำแกร (พลแตร) ได้สาวบ้านใต้ มันบ่เอาไปนำ ลูกมันเป็นหญิง ยังมีเชื้อสายอยู่ทางบ้านใต้ เฒ่าพาเป็นเพื่อนกับหลานอ้ายดำแกร อาจารย์ล้อมบ่นเสียดาย ถ้ามีเวลาอยากจะตามไปคุย

อาจารย์ล้อม ฟังตำนานรักไว้หลายเรื่อง ป้าชม คนโซ่งหนองปรง (บ้านขุนแคน สมัย อ่อนวงศ์ เพชรบุรี) เล่าอย่างตลกว่าถ้าไม่มี สงคราม (ปราบฮ่อ) ฉันคงไม่ได้เกิด เพราะยายฉันตามตามาอยู่หนองปรง

แต่ตำนานรักทหารไทยสาวลาวฉบับใหญ่จริงๆ อาจารย์ล้อม ฟังจากอ้ายบ่าวเที่ยง จากเมืองหลวงพระบาง มีหลายคู่ ที่จดจำและเล่าขานกันต่อๆมา จนถึงวันนี้

คือคู่สาวเมืองงอย กับพระยาพหลพลพยุหเสนา (กิ่ม)

คู่นี้รักกันจริง หนุ่มพาสาวเมืองงอยมาอยู่เมืองไทย ได้ลูกชาย เป็นทหาร เป็นพระยาพหลพลพยุหเสนา...เหมือนพ่อ แต่ชื่อ “พจน์”

ก็หัวหน้าคณะราษฎร “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย” นั่นปะไร

หากจะคุยว่า ใคร เป็นเขยลาวตัวจริงยิ่งใหญ่ ก็คงจะไม่พ้น เขยลาวพระยาพหลพลพยุหเสนา (กิ่ม) นี่เอง

นอกจากอนุสรณ์ความรักจากทหารไทย ที่ฝากไว้ในเมืองงอย ก่อนกองทัพไทยจะยกกลับ ได้สร้างเจดีย์ใหญ่ (พระธาตุ) ไว้เป็นที่ระลึก (มีภาพถ่าย) แต่พอฝรั่งเศสเข้ามาใหญ่ แม่เฒ่าพาเล่าว่า “มันม้างทำโรงทองเสียแล้ว”

“ม้าง” ก็คือรื้อทิ้ง อาจารย์ล้อมถาม “โรงทองฝรั่งมันทำหยัง”

แม่เฒ่าทำท่าเคาะบอกว่า ทำแก๊บๆไปฮานอย อาจารย์ล้อมจึงรู้ โรงทองที่ว่า คือที่ทำการโทรเลข

อ่านเรื่องนี้จบ ผมจำได้เคยไปทอดกฐินวัดปากอู ไหว้พระถ้ำติ่ง...อีกไม่ไกลก็ถึงเมืองงอย...แต่ก็ปลง ผมหง่อมเกินจะไปทำหนุ่มกรุ้มกริ่มถึงเมืองทหารไทย ฝากอนุสรณ์ความรักไว้นักหนากับสาวลาว.

กิเลน ประลองเชิง