"ครูบาไก่" ชี้แจงภาพเล่นนั่งเจ็ตสกีเล่นน้ำพร้อมชายหนุ่ม ยันมีอะไรต้องปิดบัง ด้านแพรรี่ฉะเดือด ยังไงก็ไม่เหมาะสม ลั่นจะมีแบบนี้ให้เห็นเรื่อยๆ ถ้ายังมองพระว่าใส่จีวรเท่ากับศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 22 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง สำหรับครูบาไก่ เมื่อมีการแชร์ภาพครูบาไก่ขณะเล่นน้ำในบริเวณน้ำตก ที่มีชายหนุ่มห้อมล้อม รวมถึงภาพนั่งเจ็ตสกีซ้อนท้ายชายหนุ่มในทะเล ทำให้โซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม วัดครูบาไก่ บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พบกับพระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร หรือครูบาไก่ เผยว่า เห็นภาพที่มีการแชร์ในโซเชียลแล้ว ไม่ได้ตกใจ แต่คิดว่าภาพทั้งหมดนั้นเกิดจากโยม 2 คน ที่ชื่ออิคคิวและบุ๋ม เพราะสองคนนี้เคยมาอยู่ที่วัด และติดตามไปด้วยทุกที่ที่มีกิจนิมนต์ต่างจังหวัด

...

ภาพถ่ายที่มีผู้ชายหลายคนรายล้อมนั้น สองคนนั้นถ่ายไว้เมื่อครั้งไปกิจนิมนต์ไปที่ จ.กำแพงเพชร และที่พักอยู่ใกล้กับน้ำตกคลองลาน ลูกหลานชวนลงเล่นน้ำในน้ำตก จึงลงไปสรงน้ำด้วย แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไร และเมื่อครั้งรับกิจนิมนต์ไปที่กรุงเทพฯ ได้นั่งเครื่องบินไปเจอคณะของทางวัดที่กรุงเทพฯ ก็ถูกนิมนต์ให้พาเด็กวัดไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ชายทะเล ซึ่งสองคนนั้นก็ติดตามไปด้วย มีการถ่ายรูปตอนนั่งเจ็ตสกี แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไร คิดเพียงว่า ให้เด็กวัดและคนติดตามได้เล่นน้ำทะเลกัน ได้สนุกสนานกัน ซึ่งอิคคิวและบุ๋มก็ถ่ายภาพเก็บไว้จำนวนมาก และไม่คิดว่าจะนำภาพเหล่านั้นมาทำร้ายในวันนี้

ส่วนภาพผ้าห่มที่ถ่ายออกมาและแชร์กันนั้น ก็ยอมรับว่าเป็นผ้าห่มที่ห่มจริงๆ แต่การห่มผ้าและการถ่ายภาพในห้องนั้น เป็นเรื่องปกติที่ลูกศิษย์คนใกล้ชิดสามารถเข้าออกห้องได้ และเป็นภาพที่ถ่ายในช่วงที่อิคคิวและบุ๋ม นำหลานชายมาบวชที่วัด จึงให้ครูบาดูแลหลานและพามานอนในห้องด้วย ไม่ได้ตกใจกับภาพต่างๆ ที่ถูกสองคนนั้นนำออกมาปล่อย เพราะรู้อยู่แล้วว่า ถ้าหาเรื่องทำร้ายกันได้ ภาพต่างๆ เรื่องต่างๆ ก็จะตามมาอีกเรื่อยๆ

การถ่ายภาพในลักษณะดังกล่าว หากมองถึงความเหมาะสม ในทางพระสงฆ์ก็ต้องยอมรับว่าไม่เหมาะ แต่ก็ไม่ได้ผิดมากมาย เพราะทุกอย่างที่ถ่ายออกมา ก็อยู่กับลูกหลานที่มาอยู่ในวัด บางคนก็เป็นสายเลือดเดียวกัน เพราะเป็นลูกพี่สาวที่มาอยู่ดูแลในวัด จึงไม่ได้ตกใจ และไม่มีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้น โดยส่วนตัวจึงไม่มีความเคียดแค้นกับสองคนนั้น ส่วนทางกฎหมายนั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของทนายความที่จะดำเนินการ จึงอยากจะบอกว่ายังมีภาพอะไร เรื่องอะไรที่ยังไม่พูด ให้รีบนำออกมาพูด จะได้ชี้แจงจะได้เคลียร์ให้มันจบๆ

ขณะที่ แพรรี่ ไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า สำหรับดิฉัน ปัญหาเรื่องครูบาไก่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าท่านจะไปนอนแช่น้ำตกที่ไหน ขี่เจ็ตสกีซ้อนท้ายหนุ่มหล่อยังไง ดิฉันไม่สนใจค่ะ ต่อให้เห็นภาพเหล่านี้แล้วจะรู้สึกว่า สิ่งที่ท่านทำอยู่นั้นเป็นเรื่องเสียอาจาระ และไม่ควรแก่สมณสารูปแค่ไหนก็ตาม

ดิฉันจะไม่สนใจเลยนะคะ ถ้าครูบาไก่ไม่ใช่พระที่ถูกยกย่องให้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นเกจิอาจารย์ มีหูทิพย์ตาทิพย์ (หนักเข้าถึงกับบางคนบอกว่าเป็นพระอรหันต์) ให้เป็นพระที่มีสตอรี่หรือเรื่องเล่าในทางวัตรปฏิบัติมากมายไปหมด

ดิฉันจะไม่สนใจค่ะ ถ้าครูบาไก่เป็นเพียงพระหนุ่มทั่วๆ ไปรูปหนึ่ง พระซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้พยายามด้วยตนเอง (หรือมีคนอื่นพยายาม) ทำให้ชาวพุทธบางส่วนเข้าใจว่า ท่านมีคุณวิเศษ ท่านมีวัตรปฏิบัติที่ดี เป็นพระซึ่งควรแก่การที่ฆราวาสจะกราบไหว้บูชาได้อย่างสนิทใจ

ปัญหาของดิฉัน หรืออาจของใครหลายคนในตอนนี้ด้วย อยู่ที่ว่าตกลงแล้ว ภาพลักษณ์ที่ครูบาไก่สร้างขึ้นเพื่อต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจ กับภาพลับที่มีคนขุดออกมาแฉ เป็นภาพเดียวกันหรือเปล่า ครูบาไก่เบื้องหน้า กับครูบาไก่เบื้องหลังสะอาดบริสุทธิ์เหมือนกันหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ดิฉันสนใจและตั้งคำถามค่ะ

นักบวชบางพวกประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความเจริญงอกงามแห่งไตรสิกขา แต่นักบวชบางพวกแสร้งประพฤติพรหมจรรย์เพื่อหวังลาภสักการะ เลี้ยงปากท้อง พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ครูบาไก่ เป็นนักบวชอย่างไหนเจ้าคะ ดิฉันอยากถาม

ในสังคมพุทธ ที่คนพุทธจำนวนไม่น้อยกระสันอยากกราบไหว้พระอรหันต์ อยากทำบุญบูชากับพระที่มีอะไรมากกว่าวัตรปฏิบัติที่เรียบง่ายงดงาม เราก็คงจะเห็นพระแบบครูบาไก่อยู่เรื่อยๆ พระที่เบื้องหน้าแสร้งสงบเสงี่ยมชวนให้ศรัทธา แต่เบื้องหลังกลับไม่เคยปฏิบัติเพื่อการละตัณหาหรือกามคุณจริงๆ พระที่สวมแค่เครื่องแบบจีวร แต่ความจริงกลับรักษาศีลได้เท่าฆราวาส ก็คงจะมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ นะคะ ตราบใดที่สังคมพุทธ ยังคงมองพระว่า ใส่จีวรเท่ากับศักดิ์สิทธิ์ จบ.

ขอบคุณข้อมูลจากแฟนเพจ ไพรวัลย์ วรรณบุตร