หมอเผยสถิติ ผู้ป่วยมะเร็งปอดในไทย พบมากสุดในแถบภาคเหนือและกรุงเทพฯ ชี้หากไม่เร่งแก้ปัญหาค่าฝุ่น PM อย่างจริงจัง จะทำให้มีผู้ป่วยมะเร็งปอดเพิ่มมากขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้สูบหรือดมควันบุหรี่
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นพ.สมรส พงศ์ละไม แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somros MD Pho glamai ระบุว่า PM 2.5 กับมะเร็งปอด version สั้นๆ ให้เห็นภาพจริง
- International Agency for Research on Cancer (IARC) จัดมลพิษในอากาศเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen)
- การสัมผัสกับ PM 2.5 ที่มากกว่า 30 µg/m3 เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดชนิด adenocarcinoma
- PM 2.5 เพิ่มการเคลื่อนที่ และการแบ่งตัวของมะเร็งปอดชนิด non-small-cell
- ล่าสุดงานวิจัย systematic review and meta-analysis ปี 2021 จากวารสาร Environmental Research (impact factor 8.43) พบว่า PM 2.5 PM 10 เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดชัดเจน (โดยตัดปัจจัยเรื่องการสูบบุหรี่ออกไปแล้ว)
- PM 2.5 PM 10 ในภาคเหนือ สถานการณ์รุนแรงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และเป็นอันดับหนึ่งของโลกในหลายๆ วัน หนักกว่าอินเดียและจีน (US AQI 271-300)
- มะเร็งปอดในไทย พบมากที่สุดในจังหวัด ลำปาง เชียงใหม่ อุดร ระยอง กรุงเทพ
- สาเหตุของมะเร็งปอดมีหลายอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ หรือการเป็นผู้สูบบุหรี่มือสอง การสูบกัญชา ปอดอักเสบเรื้อรัง สูดมลพิษ ฝุ่นควัน ยาฆ่าแมลง เยื่อหิน asbestos, แป้ง talcum ในอุตสาหกรรมแป้งที่เราใช้กัน, แกสโซลีน, สารหนู หรือพันธุกรรมบางตัว ฯลฯ และ PM
- ปัญหา PM ในภาคเหนือ และประเทศไทย ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน เนื่องจากการเผาป่า เผาหญ้า ทั้งจากในภูมิภาคเราเอง และประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งหลายๆ เมืองภูมิประเทศ ที่เป็นแอ่งกระทะ ฝุ่นจะกองลงไปในตัวเมืองต่างๆ ดังนั้น เราจะพบคนไข้มะเร็งปอดเยอะมากขึ้น ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้สูบบุหรี่ หรือรับควันบุหรี่จากคนอื่นเลยก็ตาม
...
สรุป PM 2.5 PM 10 ก่อให้เกิดมะเร็งปอดจริง มะเร็งปอดเป็นแล้วทรมานมาก คนไข้อาจนอนหลับไม่ได้เพราะเหนื่อย และปวดมากต้องนั่งหลับ ผมเองเคยเป็นลิ่มเลือดอุดตันในปอด ยังเจ็บปวดทรมานที่สุด ต้องนั่งหลับทั้งคืน ไม่สามารถนอนได้ ยังจำฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าโรคในปอดมันทรมานแค่ไหน จะมีคนเป็นมะเร็งปอดอีกมากแค่ไหน แค่อากาศหายใจสะอาดๆ ก็ยังไม่มี.
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Somros MD Phonglamai