หมดยุคทอง "กล้วยด่าง" หนุ่มซื้อมาต้นละครึ่งแสน กะว่าจะเพาะพันธุ์ขาย สุดท้ายติดดอย ราคาตกฮวบ ขายไม่ออก สุดท้ายเลยต้องนำมารองถาดข้าวกะเพรา

วันที่ 27 กันยายน 2565 กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล หลังจากที่มีการแชร์ภาพ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ใบกล้วยด่าง นำมารองกะเพราถาด เสิร์ฟให้ลูกค้า โดยราคาขายก็ยังปกติ ไม่ได้คิดราคาเพิ่ม ทั้งๆ ที่ช่วงก่อนหน้านี้ กล้วยด่างต้นหนึ่ง ซื้อขายกันราคาหลักแสนบาท

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่ร้านหน้าอำเภอ ริมถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอสามร้อยยอด ของ นายสำเภา แป้นคุ้มญาติ ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่ง โดยนายสำเภา เปิดเผยว่า หลังจากซื้อกล้วยด่างแดงอินโดมาหน่อละ 50,000 บาท จำนวน 2 หน่อ ฟลอริดาหน่อละ 15,000 บาท จำนวน 2 หน่อ และอื่นๆ รวมมูลค่ากว่าแสนบาท เพื่อนำมาขยายพันธุ์ขาย แต่ความนิยมกล้วยด่างได้ลดความต้องการอย่างรวดเร็ว จนกล้วยด่างที่ปลูกไว้ขยายพันธุ์มีจำนวนมากขึ้น ออกต้นนับร้อยต้น แต่ขายไม่ได้



จึงคิดนำเอาใบกล้วยด่างมารองอาหารในถาด เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับดี จนมีลูกค้าที่ทราบต่างมาอุดหนุนเพิ่มมากขึ้น โดยอาหารทุกชนิดที่ใส่ถาดทางร้านก็ไม่ได้ขึ้นราคาแต่อย่างใด ยังคิดราคาเดิม 59 บาท

...

นอกจากนี้ เจ้าของร้าน ยังพาผู้สื่อข่าวไปที่บ้าน เพื่อชมกล้วยด่างหลากชนิด ที่ซื้อหน่อมาปลูกเพื่อขยายพันธุ์จำหน่าย ที่ผ่านมากล้วยด่างขยายพันธุ์ไวมาก จากที่ซื้อมาประมาณ 5 หน่อ ปัจจุบันมีนับร้อยต้น และกำลังแตกหน่ออีกมาก บางต้นออกลูกแล้วก็มี บางส่วนเพื่อนๆ มาขอไปปลูก ก็ให้โดยไม่คิดเงิน สิ่งที่ทำไม่ใช่เป็นการประชด แต่อยากจะฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ "อะไรที่มันเกินความจริง ศึกษาทบทวนให้ดี เดียวจะเป็นแบบตน"

นายสำเภา เล่าต่อว่า ต้องย้อนไป เมื่อก่อนตนเองคิดว่าจะทำกล้วยด่างให้เป็นธุรกิจ คือได้ดูข่าวเขาทำกล้วยด่างกัน เพาะแล้วขายหน่อพันธุ์ได้ต้นหนึ่งราคาเป็นหมื่น ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำเป็นธุรกิจ ซึ่งตอนนั้นซื้อกล้วยด่างมาตกต้นละ 50,000–100,000 กว่า ซึ่งของตนเองก็มี แดงอินโด, ฟลอริดาด่าง, ตานีด่าง, และกล้วยปาปัว (กล้วยป่าด่าง) ลงทุนซื้อมารวมๆ แล้วแสนนิดๆ เพราะเราทุนน้อย และคิดว่าจะปลูกเป็นต้น ตั้งแม่ไว้เพื่อจะเพาะหน่อพันธุ์มาขายให้มันเกิดรายได้

เนื่องจากเห็นขายกันหน่อละ 2–3 หมื่น เราก็นึกในใจว่าจะขายต้นละสัก 5,000 ก็พอ แต่กลายเป็นว่า พอปลูกปุ๊บ กระแสเริ่มตก จากต้นเป็นหมื่น เป็นแสน เหลือต้นละไม่กี่ร้อย ถึงหนึ่งพันนิดๆ และตั้งแต่ทำมา ก็ขายแทบไม่ได้เลย ตอนนี้ก็มีแต่แจกซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ก็ทำใจได้แล้ว

แต่ด้วยบ้านเราขายกะเพรา และต้องไปซื้อใบตองที่ตลาดมารองถาดทุกวันอยู่แล้ว เลยเกิดไอเดียว่า กล้วยเราก็มี ไม่เห็นต้องซื้อ พอลูกค้ามากินแล้วเห็น ก็ทักว่านี่มันกล้วยด่าง เอามารองได้ยังไง แต่เพราะมันขายไม่ได้แล้ว ก็เลยเอามารองถาด คืนความสุขให้ลูกค้าดีกว่า ได้ทานข้าวแล้วก็มีใบตองกล้วยด่างมารองถาด มันก็แปลกตาดี ซึ่งบางคนเห็นแล้วรู้สึกชอบ ขอซื้อต้นไปก็มี



"จากนี้ก็คิดว่าจะใช้กล้วยด่างรองถาดข้าวไปตลอด เพราะที่บ้านมีกล้วยอยู่เป็นร้อยๆ ต้น ผมก็จะใช้ใบตองของผมนี่แหละรองถาดข้าวต่อไป ส่วนทิศทางของกล้วยด่างตอนนี้ผมไม่แน่ใจ มันคงแล้วแต่กระแส แต่ผมคิดว่าจากราคาหลักหมื่น หลักแสนมาเหลือแค่หลักร้อยมันก็ไม่ใช่แล้ว มันเหมือนกับเราไปเห่อตามกระแส เลยทำให้เราต้องมาเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าต่อไปถ้าจะทำอะไร แล้วอะไรที่มันเกินความจริงก็ต้องทบทวนให้ดีๆ ศึกษาให้ดีๆ ไม่งั้นก็จะเป็นแบบผม"

ด้าน นายจำลอง เหม่นแหลม นายช่างโยธา อบต.ศาลาลัย ลูกค้า กล่าวว่า ตนเองมากินข้าวที่นี่บ่อยเพราะรสชาติอาหารอร่อย แต่ตอนนี้ที่แปลกตาไปคือใบตองที่ใช้รองถาดข้าว ตนสังเกตว่าเป็นใบตองของกล้วยด่างซึ่งเคยมีราคาแพงมาก และถึงจะใช้ใบตองราคาแพงมารองจาน แต่ทั้งราคา และรสชาติก็ยังเหมือนเดิม.