ทนายษิทรา เผยเรื่องราว เคสสาวรีวิวโรงแรมที่เขาใหญ่ ให้ 6 คะแนน แต่กลับได้หนังสือเรียกค่าเสียหาย ยันรีวิวได้ หากสุจริตใจ ฟ้องมาอาจดำเนินคดีกลับ

จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์เล่าเคสที่มีคนอินบ็อกซ์ เข้ามาปรึกษา หลังจากไปเที่ยวที่เขาใหญ่ แล้วไปรีวิวใน agoda เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2564 ให้คะแนนโรงแรมต่ำไปหน่อย โดนโรงแรมโทรกลับมาขู่ แล้วให้ทนายเรียกค่าเสียหาย 3,000,000 บาท ภายใน 15 วัน พร้อมให้ขอโทษโรงแรมทางหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน

ซึ่งผู้ที่รีวิว ถามด้วยความสงสัยว่า รีวิวไปตามความจริง แล้วผิดด้วยเหรอ แล้ว agoda ต้องตอบทำไมเจ้าของโรงแรมถึงรู้ว่าใครรีวิว เพราะชื่อที่ล็อกอิน ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แถมไปพักโรงแรมนี้สักพักแล้วด้วย

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 7 มกราคม นายษิทรา เดินทางมาที่ สภ.แสนสุข พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวาน น.ส.ขิง ได้มาที่สำนักงาน และเขาก็ขอความช่วยเหลือ หลังเข้าไปรีวิวโรงแรมแห่งหนึ่ง จึงโดนฟ้อง 3 ล้านบาท พร้อมนำเอกสารมาให้ดู ว่ารีวิวอะไรบ้าง โดยเขารีวิวให้โรงแรม 6 คะแนน แล้วข้อความก็มีทั้งชม มีทั้งติ แล้วท้ายมีปิดข้อความว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาใหม่นะ ปรากฏว่าพอรีวิวไปแล้ว ปรากฏว่ามีจดหมายจากทางโรงแรม ให้ทนายความยื่นหนังสือมา จะให้ชดใช้ค่าเสียหาย 3 ล้านบาท โดยให้ลบรีวิวออก ถ้าไม่ลบเสียเงินอีกวันละ 50,000 บาท แล้วให้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 7 วันติดต่อกัน เขาก็กังวล เขาเป็นลูกค้าของโรงแรม แต่โรงแรมกลับจะมาฟ้องเพราะรีวิวให้คะแนนต่ำ ผมก็ให้ความรู้กับเขาไป แล้วขอบอกกับทุกคนเลยว่า เราใช้บริการโรงแรมหรืออะไรที่เขาเปิดให้รีวิว ถ้าเรามีการแสดงความคิดเห็นหรือรีวิวโดยความสุจริต ไม่ได้กลั่นแกล้ง เขาบริการไม่ดีเราจะให้คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน มันเป็นสิทธิ์ที่เราสามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย

ส่วนที่มาขู่ จะปรับแพงๆ ให้เกิดความกลัว เราสามารถดำเนินคดีฟ้องกลับเขาได้อีก ในเรื่องข่มขู่ให้เกิดความกลัว ก็จะซวยทั้งคนออกหนังสือ และคนที่มอบอำนาจคือตัวเจ้าของโรงแรม ถ้าเกิดเรื่องนี้ น.ส.ขิง เกิดจะเอาเรื่องขึ้นมา อยากจะฝากคำถามไปถึง Agoda ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้จองโรงแรม ซึ่งมีการเปิดให้รีวิวอยู่แล้ว

นอกจากนั้น วันนี้ น.ส.ขิง ได้บอกตนว่า รีวิวของเขา ถูกลบออกไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ที่สำคัญที่สุดคือ ข้อมูลส่วนบุคคล ที่ น.ส.ขิง ใช้ login แสดงความเห็นใน Agoda ซึ่งไม่ได้ใช้ชื่อ-นามสกุลจริง แต่ทางโรงแรม สืบรู้ถึงขนาดว่าชื่อนามสกุลอะไร สามีทำงานอะไร มีธุรกิจอะไร อันนี้ต้องถาม Agoda ว่าข้อมูลหลุดไปได้อย่างไร กระทั่งจะเกิดการฟ้องร้องกัน ซึ่ง น.ส.ขิง ไปพักตั้งแต่ปี 63 แต่เพิ่งจะมารีวิว ซึ่งโรงแรมไม่น่าจะรู้แล้วว่าคนนี้คือใคร เรื่องความช่วยเหลือ ตอนนี้ได้รับแต่ยื่นโนติสมา ถ้ามีการฟ้องกันจริงก็จะช่วยเรื่องของคดี

พร้อมฝากบอกนักรีวิวทั้งหลาย ไม่ต้องไปเกรงกลัว หากว่าเราใช้บริการแล้วบริการไม่ดีขึ้นมา แล้วถูกขู่ว่าจะฟ้อง หรือฟ้องขึ้นมา ถ้าเกิดสุจริต ติดต่อมาหาตนได้ ซึ่งตอนนี้ น.ส.ขิง ก็สบายใจขึ้น เพราะถ้าเขาโดนฟ้องมาจริงๆ เขาไม่ต้องเสียเงิน 3 ล้าน และเขาก็อาจจะดำเนินคดีกลับได้ด้วย.

...