"วินรถจักรยานยนต์" ปะทะคารม "คนขับแท็กซี่" เจ้าตัวแจงแล้ว ปมห้ามรับผู้โดยสารภายในนิคม บอกเป็นข้อตกลงแบ่งพื้นที่ทำมาหากิน ขณะที่ ผอ.สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เผยไม่เคยมีนโยบายดังกล่าว

จากกรณี เพจดังเจ๊ม้อย v-plus นำคลิปภาพ "วินรถจักรยานยนต์กับแท็กซี่ถกเถียงกัน" โดยมีใจความสำคัญว่า แท็กซี่ไปส่งผู้โดยสารบริเวณหน้าบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เป็นช่วงพนักงานเลิกงานพอดี แล้วมีผู้โดยสารท่านหนึ่งรถเสีย จึงเรียกแท็กซี่เพื่อให้รีบไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะแม่ป่วย พอมาถึงปากซอยวินก็ตามมาปาดหน้าและบอกให้ลง ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ

ล่าสุดวันที่ 10 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ บริเวณที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบ นายประพันธ์ รื่นนาม อายุ 57 ปี คนขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่ในคลิปดังกล่าว พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงประมาณวันพุธที่ผ่านมา ขณะนั้นมีรถแท็กซี่คันดังกล่าวเข้ามาส่งผู้โดยสารภายในนิคมบางปะอิน ตึก 4

จากนั้น วิ่งรถเปล่าออกมาตรงบริเวณหน้าตึก 2 แล้วมีผู้โดยสารโบกให้รถแท็กซี่คันดังกล่าวรับ ตนเองมองมาเป็นการรับผู้โดยสารตัดหน้าตรงบริเวณหน้าวิน ซึ่งห่างกันไม่ถึง 10 เมตร ตนจึงโบกให้แท็กซี่คันดังกล่าวจอด แล้วก็มีการอธิบายว่าไม่สามารถเข้ามารับผู้โดยสารภายในนิคมได้ จึงพยายามสอบถามว่าผู้โดยสารจะไปไหนหากจะไปไกลกว่านี้ก็ให้ลงก่อนเดียวตนเองจะไปส่งหน้านิคม แล้วก็ให้รถแท็กซี่คันดังกล่าวสามารถรับที่บริเวณหน้านิคม ออกไปส่งผู้โดยสารที่อื่นได้ และก็มีการถกเถียงกันตามคลิปที่ออกเป็นข่าว

...

ซึ่งตนมองว่า ถึงผู้โดยสารจะมีสิทธิ์เลือกการใช้บริการ แต่ตนก็มองว่าการที่คนเรามีอาชีพบริการในการขับรถรับจ้าง ก็ไม่ควรที่จะเอาเปรียบซึ่งกันและกัน หากเข้ามารับได้ รถแท็กซี่ที่จอดอยู่หน้านิคมก็คงเข้ามารับผู้โดยสารภายในนิคมกันหมดแล้ว แต่มันก็เป็นข้อตกลงระหว่างคนขับแท็กซี่กับวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งแบ่งพื้นที่การทำมาหากินก็เท่านั้นเอง ซึ่งทุกวันนี้ก็มีผู้โดยสารน้อยอยู่แล้ว บางวันได้เพียงไม่ถึงร้อยบาท พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงรู้สึกโมโหได้กระทำการดังกล่าวไป แต่ตนเองไม่ได้พูดจาหยาบคายแต่อย่างใดแค่อธิบายให้ฟัง

ทางด้าน พ.ต.ท.กิตติธร ศัลยรื่น สว.ป้องกันปราบปราม หัวหน้าควบคุมการจราจร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อม กล่าวว่า เบื้องต้นทราบข่าวแล้ว จึงได้ลงมาพื้นที่เกิดเหตุและพร้อมทำความเข้าใจว่ากล่าวตักเตือน คนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ซึ่งตรวจสอบว่าคนขับรถจักรยานยนต์เป็นวินถูกต้องตามกฎหมาย แต่ขณะวันที่เกิดเหตุ รถที่เป็นป้ายเหลืองเกิดพังจึงนำรถลูกสาวมาใช้วิ่งแทน จึงทำให้ต้องมีการสั่งปรับในการใช้รถผิดประเภท

ขณะที่ นายดิสพล ยิ้มขลิบ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องจักรยานยนต์-แท็กซี่ เป็นสิ่งเสริมให้กับพนักงานทางนิคมได้รับความสะดวกสบาย ทางนิคมเองไม่มีการกีดกัน ซึ่งวินดังกล่าวมีมากว่า 20 ปีแล้ว ในส่วนของทางนิคมเองแค่ให้จุดบริการเท่านั้น ทางนิคมไม่มีนโยบายว่าห้ามมิให้รถแท็กซี่เข้ามารับคนหรือว่าส่งคน.