นอกจาก ภาครัฐ ที่ต้องทบทวนการใช้ข้อจำกัดเพื่อให้เกิด ความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยไม่จำกัดอำนาจเอาไว้ที่ ศบค. หรือหน่วยงานรัฐเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสภาวะ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ยากที่จะรับมือโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงลำพัง

ภาคประชาชนและภาคเอกชน จึงมีความสำคัญที่จะสนับสนุนด่านหน้าและบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือว่าเป็นนักรบผู้เสียสละ รับมือกับโควิดอย่างเต็มความสามารถ ภาพที่เราเห็นการระดมทรัพยากรเพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดของภาคเอกชนในขณะนี้ ทุกฝ่ายต้องการมุ่งมั่นที่จะให้สถานการณ์ในประเทศเราดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามร่วมกับ กทม. การจัดจุดบริการวัคซีนนอกโรงพยาบาล การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องอุปโภคบริโภคให้กับโรงพยาบาล ชุมชนและประชาชนที่เดือดร้อน

ที่ผ่านมามีหลากหลายองค์กรที่สนับสนุนเป็น กองหลัง ให้กับ ด่านหน้า อาทิ ปตท. นอกจากการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องอุปโภคบริโภคแล้ว ยังใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมและผลิตภัณฑ์จากการคิดค้นวิจัยของกลุ่ม ปตท. เช่น นวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ สร้างห้องความดันลบสำหรับผู้ป่วยให้โรงพยาบาลต่างๆ และวิจัยพัฒนาชุดตรวจคัดกรองของสถาบันวิทยสิริเมธี

ในการระบาดรอบนี้ กลุ่ม ปตท. ได้ตั้งโครงการ ลมหายใจเดียวกัน ขึ้นมา เร่งจัดหาเครื่องช่วยหายใจกว่า 370 เครื่อง และออกซิเจนเหลว รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ สนับสนุนพื้นที่ให้บริการวัคซีน วางระบบดิจิทัลให้กับหน่วยบริการวัคซีนเคลื่อนที่ของ กทม. มอบถุงยังชีพและสนับสนุนสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน เป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของชุมชนต่างๆไปพร้อมกัน และที่สำคัญคือช่วยนำเข้ายารักษาโควิด เรมเดซิเวียร์ ซึ่งเป็นยาสำหรับหญิงมีครรภ์ และกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถรับยา ฟาวิพิราเวียร์ ได้

...

ในขณะเดียวกันได้เข้าไปช่วยใน ด้านการจ้างงาน ผ่านโครงการ Restart Thailand มากกว่า 25,000 อัตรา ต่อลมหายใจคนไทยและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้

เหล่านี้เป็นตัวอย่างการร่วมมือของภาคเอกชนและประชาชนที่จะช่วยกันทุกวิถีทาง ไม่เฉพาะ ปตท.กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังมีหน่วยงานภาคเอกภาคธุรกิจอีกมากมาย ที่เสียสละและร่วมมือร่วมใจกันระดมความช่วยเหลือไปสู่พี่น้องคนไทยทั่วประเทศด้วยความห่วงใย

นอกจากด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนแล้ว ภาคสังคมที่จะมีผลกระทบกับพี่น้องคนไทยก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก โควิดครั้งนี้มีเด็กเล็กที่ต้องกำพร้าผู้ปกครอง มีครอบครัวไร้บ้าน คนจนที่ทั้งตกงานและไม่มีโอกาสในการทำงานอีกมากทุกหยดน้ำตาของความทุกข์ยากแสนเข็ญ ทุกความเดือดร้อนแสนสาหัสของพี่น้องคนไทยในยามนี้ ไม่ใช่อยู่ที่วัคซีน หรือข้าวกล่องเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับพลังของคนไทยทุกคนที่ไม่เคยทิ้งกัน

แม้จะเป็นลมหายใจสุดท้ายก็ตาม.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th