นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า วันครอบครัวปีนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดซ้ำของโควิด-19 ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบในชีวิต เกิดความเครียดสะสม จนกลายเป็นสาเหตุของความรุนแรงในครอบครัว ที่ผ่านมา สสส. พบว่า ครอบครัวที่มีรายได้น้อย มีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากกว่าครอบครัวที่มีรายได้พอใช้ โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รายงานผลสำรวจความชุกความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัว ปี 2563 ว่า ประเทศไทยพบความรุนแรงในครอบครัวด้านจิตใจสูงสุดร้อยละ 41.2 รองลงมาคือ ทางร่างกาย ร้อยละ 4.3 และทางเพศร้อยละ 2.3 ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว รายงานว่าตั้งแต่ปี 2559-2563 พบว่าความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นคิดเป็น 1,400 ราย/ปี หรือเฉลี่ย 4 ราย/วัน ที่ผ่านมา สสส.ทำงานเชิงรุก ปลุกพลังภาคีเครือข่าย สร้างคู่มือพัฒนาพื้นที่ปลอดภัยทางสังคม วางกลไกช่วยเหลือด้านระบบคุ้มครองบุคคลในครอบครัวสู่การเกิดพื้นที่คุ้มครองทางสังคม โดยมีเป้าหมายปรับวิธีคิดเปลี่ยนความเชื่อ สร้างบรรทัดฐาน และวิถีปฏิบัติของคนในชุมชนให้มองว่าเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องของทุกคน วันครอบครัวปีนี้จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนหันมาทำกิจกรรมที่บ้านกับครอบครัว สร้างความสัมพันธ์ร่วมกันในวันหยุดยาว
ด้านนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ พบความรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น ส่วนใหญ่มาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวยากจนทำให้ประชาชนบางส่วนได้รับผลกระทบในครอบครัว เช่น ขาดรายได้ ไม่มีงานทำ และเกิดความเครียดสะสม โดยปี 2563 มีประชาชนมาขอความช่วยเหลือเรื่องความรุนแรงในครอบครัวกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 แบ่งเป็น 1.ปรึกษาด้านกฎหมายเพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีหลังถูกคนในครอบครัวทำร้ายร่างกายด้วยตัวเอง และ 2.ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือให้ทางมูลนิธิพาไปแจ้งความดำเนินคดี อีกปัญหาความรุนแรงที่พบคือ คนในบ้านเลือกระบายความเครียดด้วยการไปปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขอาจสร้างความร้าวฉานและความรุนแรงได้.
...