อธิบดี พช. ลงพื้นที่สนับสนุนกลุ่มทอผ้าบ้านดอนกอย แหล่งอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นสกลนคร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากชุมชนอย่างยั่งยืน

วันที่ 6 เมษายน 2564 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมกลุ่มทอผ้าบ้านดอนกอย จังหวัดสกลนคร โดยมี นายสมาน พั่วโพธิ์ พัฒนาการจังหวัดสกลนคร เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน และตัวแทนกลุ่มทอผ้าบ้านดอนกอยให้การต้อนรับ

นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า จังหวัดสกลนคร ถือว่าเป็นเมืองแห่งครามและมีกลุ่มผ้าย้อมครามที่มีคุณภาพกระจายอยู่เกือบทุกอำเภอ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ทำให้มีเงินหมุนเวียนในจังหวัดหลายร้อยล้านบาทต่อปี กลุ่มผ้าย้อมครามบ้านดอนกอย อำเภอพรรณนานิคม ตั้งอยู่เลขที่ 58 หมู่ที่ 2 บ้านดอนกอย ตำบลสว่าง อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งมาเมื่อปี 2546 จากสมาชิกเพียง 9 คน แรกเริ่ม มีการย้อมผ้าครามแล้วนำมาทอเป็นผืนตัดเย็บเพื่อสวมใส่เท่านั้น โดยมีนางถวิล อุปรี เป็นประธานกลุ่ม

ต่อมามีการตั้งกลุ่มกันขึ้นเพื่อจำหน่าย ทั้งเป็นผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ก่อนที่จะพัฒนาให้มีความสวยงาม มีการมัดหมี่เหมือนกับผ้าไหมและตัดเป็นชุด และทางกลุ่มได้จดทะเบียนเป็นสินค้า OTOP เมื่อปี 2549 และได้รับการคัดสรรเป็นสินค้า ระดับ 5 ดาว ของจังหวัดสกลนคร

ข้อสำคัญของผ้าย้อมครามคือใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี สีไม่ตก ลวดลายสวยงาม การผลิตก็ใช้วัสดุที่มีอยู่ในชุมชน เช่น ใบคราม ขี้เถ้า และเปลือกไม้ คนในชุมชนส่วนใหญ่ มีอาชีพและรายได้จากการทอผ้าคราม เป็นอาชีพเสริมหลังการทำนา โดยมีการสืบทอดการผลิตผ้าย้อมครามจากรุ่นสู่รุ่น จวบจนปัจจุบัน 

...

จากนั้น นายสุทธิพงษ์ ได้ลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ในการก่อสร้างวิชชาลัยผ้าทอสกลนคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างสถาบันการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาครามสกลนคร ที่บ้านดอนกอย เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาชุมชนต้นแบบการทอผ้า และการพัฒนายกระดับผ้าไทยให้เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีกระบวนการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การให้ความรู้การทอผ้า การฟอก ย้อมสีธรรมชาติ การออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองตลาดผู้บริโภคเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภค ที่นิยมผลิตภัณฑ์ผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง

โดยวิชชาลัยผ้าทอ มีเป้าหมายเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมภูมิปัญญาเรื่องผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัด เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆ ถ่ายทอดองค์ความรู้กระบวนการทอผ้าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนกระทั่งปลายน้ำ ให้แก่ผู้สนใจ สามารถที่จะนำความรู้ไปประกอบเป็นอาชีพได้ รวมถึงเป็นแหล่งศึกษาดูงาน จัดแสดงและจำหน่ายสินค้า อีกทั้งบูรณาการกิจกรรมของวิชชาลัยเข้ากับการท่องเที่ยว สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้หรือทดลองทำกิจกรรมเกี่ยวกับกระบวนการทอหรือแปรรูปผ้าได้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้จะทำให้สามารถส่งเสริมผ้ามัดย้อมครามให้มีการพัฒนาคุณภาพ สร้างคุณค่าในผลิตภัณฑ์ ทำให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่น มีมาตรฐานคุณภาพมากยิ่งขึ้น มีการสืบสานและพัฒนาสร้างคุณค่าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล ทำให้มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ส่งผลต่อเศรษฐกิจที่ดีในระดับชุมชน มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน.