ข่าวของบีบีซีเมื่อ 2-3 วันก่อน ทำให้หัวใจของคนไทยเดือดพล่านไปตามๆกัน จากการรายงานว่า ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ขณะนี้หลายๆซุปเปอร์มาร์เกตดังของที่นั่น ประกาศจะยุติการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากประเทศไทยกันเป็นแถวๆ โดยเฉพาะสินค้าประเภทกะทิบรรจุกล่องทั้งหลาย

เพื่อเป็นการตอบสนองต่อแถลงการณ์ของ กลุ่มประชาชนเพื่อปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีคุณธรรม หรือ PETA (People for Ethical Treatment of Animals) ที่ระบุว่า “ลิงกัง” ในประเทศไทยถูกปฏิบัติเหมือน “เครื่องจักรเก็บมะพร้าว”

โดยมีการไปจับลิงกังจากป่าแล้วนำมาฝึกให้เก็บมะพร้าว จนสามารถเก็บได้วันละ 1,000 ลูกต่อลิง 1 ตัว

นอกจากนี้ยังมีการตั้ง “โรงเรียนลิง” ฝึกสอนให้ลิงเก็บลูกมะพร้าว รวมทั้งขี่จักรยานหรือเล่นบาสเกตบอล เพื่อสร้างความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วยในหลายๆจังหวัดของประเทศไทย

ซุปเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ของอังกฤษที่ออกมาขานรับแถลงการณ์ของ PETA โดยประกาศจะยุติการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากประเทศไทย ได้แก่ ห้าง เวทโรส, โอคาโด, โค-ออป และ บูทส์ เป็นต้น

บุคคลที่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการอย่างมากรายหนึ่งก็คือ นางสาว แคร์รี ไซมอนด์ส คู่หมั้นของนาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบัน ที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่อยู่ด้วยกันในบ้านประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคลอดลูกชายเมื่อเดือนเมษายนนี่เอง คุณแคร์รี ไซมอนด์สได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์เรียกร้องให้ห้างสรรพสินค้าทุกแห่งในสหราชอาณาจักรร่วมมือกันต่อต้านผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปและนํ้ามะพร้าวจากประเทศไทย

ผมต้องขออนุญาตสรุปเรื่องราวยาวหน่อย เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่อาจจะมิได้อ่านข่าวในตอนแรก แต่ฟังข่าวในช่วงหลังๆจะได้เข้าใจตรงกันว่า ผู้ที่สั่งแบนสินค้ามะพร้าวจากประเทศไทย ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์ อังกฤษ หรือรัฐบาลอังกฤษแต่อย่างใด

...

เป็นเพียงแถลงการณ์ขอร้องจากองค์การที่อ้างว่ารักสัตว์อย่าง PETA และมีห้างร้านในอังกฤษจำนวนมากให้ความร่วมมือ สั่งเก็บสินค้าไปจากหิ้งวางของในห้างตัวเองไปแล้วเท่านั้น

ที่อยู่ใกล้ตัวรัฐบาลอังกฤษมากที่สุดก็มีเพียงนางสาว แคร์รี ไซมอนด์ คู่หมั้นของท่านนายกรัฐมนตรีอังกฤษเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการแสดงออกโดยส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลอังกฤษแต่อย่างใด

เพื่อจะได้ตั้งเรื่องถูกว่า เราควรจะโกรธใครหรือต่อสู้กับใคร?

แน่นอนคู่ต่อสู้คนสำคัญที่เราจะต้องต่อกรด้วยก็คือ PETA นี่แหละ ...เราคงไม่ไปทำอะไรเขาหรอก เพราะสิ่งที่เราจะต้องทำอย่างแข็งขันก็คือ การประชาสัมพันธ์ให้โลกรู้อย่างเอาจริงเอาจังว่า เรามิได้ “ทารุณลิง” ตามที่องค์กรนี้กล่าวหาอย่างมีอคติ

เรามีการฝึกลิงจริง มีโรงเรียนฝึกลิงจริง ใช้ลิงเก็บมะพร้าวจริง แต่มันก็เป็นวิถีชีวิตอย่างหนึ่งของเรามาแต่โบราณที่คนกับสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร ช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงชีวิต หรือทำงานต่างๆมาโดยตลอด เช่น ควายช่วยเราไถนา ช้างช่วยเราลากซุง ซึ่งคนไทยก็รักให้เกียรติ ถือว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เหมือนเพื่อนคู่ชีวิต

ทุกวันนี้เราปลูกมะพร้าวต้นเตี้ยกันหมดแล้ว มีต้นสูงไม่มากนัก และที่ใช้ลิงเก็บจริงๆอาจมีบ้างแต่ไม่น่าจะมากถึง 1,000 ลูกต่อวัน และไม่น่าจะมีฟาร์มมากมายที่ใช้ลิงเก็บตามข้อกล่าวหาของ PETA

ขอให้กระทรวงพาณิชย์จัดแถลงข่าวผ่านสื่อต่างๆ พร้อมทั้งอัดคลิปลงยูทูบ ลงเฟซบุ๊ก เผยแพร่ไปตามทุกช่องทางเท่าที่จะทำได้

รวมทั้งส่งไปให้คู่หมั้นท่านนายกรัฐมนตรีอังกฤษด้วย 1 ชุด เพื่อให้เธอทราบว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะเรียนเชิญท่านทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และทูตอื่นๆไปชมวิธีการฝึกลิง หรือใช้ลิงเก็บมะพร้าว ผมก็เห็นด้วย ถึงแม้ว่า เรื่องจะยังไม่เกี่ยวกับรัฐบาลโดยตรง แต่ตัวแทน ของรัฐบาลต่างๆก็ควรรับรู้รับทราบเสียแต่ต้น

ครับ! ช่วยชี้แจงหรือประชาสัมพันธ์ในทุกวิถีทางไปก่อน หากทางร้านค้าในอังกฤษไม่หยุดและยังหลงเชื่อ PETA อยู่ ถึงขั้นที่เราจะต้องใช้วิธีรุนแรงคือ ต่อต้านสินค้าอังกฤษบ้างก็เอาเลยครับ ผมจะร่วมด้วยคน

ทุกวันนี้สวมเสื้อยี่ห้อ “มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์” ของเขาอยู่จะให้เลิกสวมเมื่อไร...บอกมาเลยนะครับ.

“ซูม”