มีสองเรื่องเก่า...ที่เคยรู้เรื่องแรกจากสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เอี้ยวสิ้ว นายกองในทัพโจโฉ พอได้ยินรหัสทหารจากโจโฉว่า “ขาไก่” เขาเก่งภาษารู้ได้ทันที โจโฉกำลังจะสั่งถอย สั่งทหารเก็บข้าวของเตรียมเลิกทัพ

การสั่งเลิกทัพก่อนคำสั่งนายเป็นการผิดร้ายแรง เอี้ยวสิ้วก็ถึงขั้นถูกประหาร

เรื่องต่อมาดูจากหนังยุคชอว์บราเดอร์ “ขุนศึกตระกูลหยาง” ต่อด้วย “ร้อยฤทธิ์นางสิงห์ร้าย” ทีวีช่อง 233 ก็เพิ่งเอามาฉาย...ตอนที่ชอบมาก นายกฯที่ว่ากร่างมาก เจอ “คุณย่าตระกูลหยาง” ถือไม้เท้ามังกรออกมา

สั่งให้ซ้ายหันขวาหันแถมตีกบาลแถม

ผมเพิ่งอ่าน 101 คำถามสามก๊ก (หลี่ฉวนจวิน เขียน ถาวร สิกขโกศล แปล สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2556) คำถามที่ 62 นอกจากเพิ่มเติมความรู้ว่า เอี้ยวสิ้วถูกประหาร ไม่ใช่เรื่อง “รู้มาก” เรื่องรหัสขาไก่อย่างเดียว

แต่มีเหตุทางการเมือง บ่มเพาะเชื้อชัง ไว้ในโจโฉมากมาย

และความรู้ต่อมาก็คือเพิ่งรู้ว่าแซ่เอี้ยวที่อ่านสามก๊กนั้น คือ “แซ่หยาง” ที่ดูจากหนัง

ตระกูลเอี้ยวกว่าสี่ชั่วคน อาศัยความเชี่ยวชาญทางหนังสือ “โอวหยางซ่างซู” เป็นขุนนางใหญ่ตลอดในยุคราชวงศ์ฮั่น ความรู้เรื่องนี้จึงชี้ว่า เรื่องคุณย่าตระกูลหยางใช้ไม้เท้ามังกรตีสั่งสอนนายกฯ... มีเค้าจริง

ความเก่งทางการรบฉบับขุนศึกตระกูลหยางคงรู้กันไปมากแล้ว เรื่องที่มีคนรู้น้อยคือเรื่องเล่าของต้นสายตระกูลหยาง หยางปิ่ง บุตรหยางเจิ้น ได้ชื่อว่ามีความประพฤติโปร่งใส สืบทอดจากหยาง-เจิ้น บิดา...

...

พงศาวดารโฮ่วฮั่นซูยกย่องว่าเขายึดมั่นในปณิธาน 3 ไม่

เมื่อภรรยาตาย หยางปิ่งไม่ยอมแต่งงานใหม่ แม้มีหลายคนรบเร้า เขาตั้งอยู่ในความสุจริตบริสุทธิ์

เมื่อมีคนเสนอตัว หรือรบเร้าให้แต่งงานใหม่ เขามักย้ำว่า

“ข้าพเจ้า 1 ไม่มัวเมาสุรา 2 ไม่เพลิดเพลินในนารี และ 3 ไม่โลภหลงในเงินทอง”

มรดกตกทอด 3 ไม่ของหยางปิ่ง พงศาวดารเล่าว่า ได้มาจากหยางเจิ้น ผู้เป็นบิดา

ครั้งหนึ่งหยางเจิ้นเดินทางผ่านเมืองชางอี้ หวางมี่เจ้าเมือง เคยเป็นศิษย์เก่าแสดงความสำนึกในบุญคุณ เติบใหญ่มาได้ด้วยการสนับสนุนของอาจารย์

ตกค่ำก็เอาทองสิบตำลึงซ่อนใส่อกเสื้อเข้าไปมอบให้ในห้อง

“เราเข้าใจเจ้า ไยเจ้าไม่เข้าใจเรา” หยางเจิ้นต่อว่า

หวางมี่บอกเลือกสถานที่ในห้อง เวลากลางคืน ไม่มีใครรู้เห็นแล้ว ขอให้อาจารย์รับไว้

“ฟ้ารู้ ดินรู้ เจ้ารู้ เรารู้” หยางเจิ้นว่า “ไยจึงกล่าวว่าไม่มีใครรู้”

หวางมี่เจ้าเมืองชางอี้ละอายก็ได้แต่ขอลากลับไป

เรื่องนี้รู้กันแพร่หลายภายหลังมีคนรู้ว่า หยางเจิ้นยากจนมาก เพื่อนฝูงและครูบาอาจารย์พากันมาเตือนให้หาทรัพย์สินเงินทอง อย่างน้อยก็เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลาน

“ให้คนรุ่นหลังยกย่องว่า เป็นลูกหลานของผู้บริสุทธิ์สะอาด ให้สิ่งนี้เป็นมรดกตกทอดไป ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่หรือ?”หยางเจิ้นตอบ

ผมตั้งใจเอาเรื่องนี้มาขยายต่อให้นายกฯประยุทธ์ใช้เป็นแนวทางการปรับ ครม.เอาคนดีออกไป ตามแรงผลักของคนไม่ดีนั้น...ชาวบ้านทั่วไปอาจไม่รู้ แต่ “ฟ้ารู้ ดินรู้ ข้ารู้ เจ้ารู้”

ด้วยเหตุผลการเมืองพรรคจะอยู่ได้ด้วยพลังร่วมจากร้อยพ่อพันแม่...ผู้นำต้องพยายามรักษาสัดส่วนน้ำดีเอาไว้ ถ้ายอมให้เสียดุล... ชาวบ้านขาดศรัทธาเมื่อไหร่ พรรคจะใหญ่แค่ไหน ไม่นานไม่ช้า...ก็พัง.

กิเลน ประลองเชิง