ลุงวัย 51 ปีที่เชียงใหม่ค้ำประกันให้ญาติซื้อรถ 6 ล้อ ยึดรถไปขายทอดตลาดก็ไม่พอใช้หนี้ ทำหนังสือประนอมหนี้ แต่ไปๆ มาๆ ที่ดินที่จำนองไว้กับธนาคารกลับถูกยึดไปขายทอดตลาด กำลังกลายเป็นคนไร้บ้าน

นายสิฐ สิทธิสอน อายุ 51 ปี ชาวบ้านห้วยโจ้ ต.ดอยหล่อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ต้นปี 62 ต้นได้ไปค้ำประกันให้กับญาติที่ซื้อรถบรรทุก 6 ล้อในเมืองลำพูน ต่อมาญาติของตนก็ขาดส่งงวดรถ ซึ่งในเวลาต่อมา บริษัทลิสซิ่งก็ยึดรถ และนำไปขายทอดตลาด แต่ปรากฏว่า เงินที่ได้มาไม่พอจ่ายหนี้ จึงได้ยึดโฉนดที่ดินของตนที่ติดจำนองกับธนาคารรัฐแห่งหนึ่ง และนำไปขายทอดตลาดกับกองบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่

โดยก่อนหน้านี้นายมนูญ ที่เป็นคนให้ตนไปค้ำประกัน ได้ไปทำหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยอมรับเป็นลูกหนี้กับบริษัทลิสซิ่ง ยอดชำระ 204,169 บาท นำเงินไปชำระเมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 จำนวน 10,000 บาท และจะผ่อนชำระเดือนละ 3,000 บาท หากชำระเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วนายมนูญจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการไถ่ถอนทรัพย์ที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่เอง

นายสิฐ กล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 18 เม.ย.62 ทางบริษัทลิสซิ่งได้นำเอาที่ดินโฉนดไปขายทอดตลาด ที่สำนักบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการกระทำของบริษัทลิสซิ่งได้ทำผิดสัญญากับตนเอง ที่ได้ทำหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 62 ซึ่งนายมนูญ และตน มีความประสงค์ที่จะชำระหนี้แก่บริษัทฯ และขณะนี้อยู่ในระหว่างชำระหนี้กับทางบริษัท แต่ปรากฏว่าทางบริษัท ได้นำเอาโฉนดที่ดินไปขายทอดตลาด และไม่แจ้งให้นายมนูญกับตนรู้

...

โดยก่อนหน้านั้นนายมนูญและตนมีความต้องการจะของดการขายทอดตลาดบังคับคดีไว้ชั่วคราว แต่บริษัทลิสซิ่งผิดสัญญา ไม่มีการแถลงข่าวขายทอดตลาด และแจ้งให้นายมนูญและตนทราบ จนมีนายทุนได้เข้าไปสำนักงานบังคับคดีและชื้อโฉนดที่ดินนั้นไป จึงทำให้ตนไม่มีที่อยู่อาศัย ได้รับความเดือดร้อน

นายสิฐ กล่าวอีกว่า อยากขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และบริษัทขายรถยนต์ ทราบ และขอร้องให้ความยุติธรรมและความช่วยเหลือตนเองด้วย เนื่องจากตนเป็นเพียงผู้ค้ำประกันเท่านั้น ตอนนี้ตนสงสัยว่าโฉนดที่ดินของตนที่จำนองไว้กับธนาคารรัฐแห่งหนึ่ง ทางบริษัทนำออกมาได้อย่างไร ทั้งที่ตนยังไม่ได้ปิดยอดหนี้ค้างชำระเท่าที่ทราบต้องเป็นคนยื่นเรื่องกู้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถนำโฉนดที่ดินออกมาจากธนาคารดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม ตนพยายามติดต่อกับนายมนูญ คนที่ให้ตนไปเซ็นค้ำมาโดยตลอด แต่เมื่อรู้ว่าตนโทรหาก็ไม่รับโทรศัพท์ ทุกวันนี้ตนต้องอยู่ด้วยความยากลำบากลูกเมียต่างเครียดเกรงว่านายทุนจะมาไล่ที่

"ผมกับครอบครัวเหลือบ้านหลังนี้ และที่ผืนนี้เพียงแห่งเดียวหากถูกยึดไปไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน ยิ่งช่วงนี้เกิดโควิดระบาด คนหาเช้ากินค่ำไม่มีงานทำ อาศัยไปรับจ้างรายวันแทบไม่พอใช้จ่ายในครอบครัวจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างทนายมาสู้คดี ผมลำบากแม้กระทั่งไม่มีเงินซื้อแก๊ส ต้องใช้ฟืนหุงหาอาหาร"

จากที่เคยมีรถบรรทุกรับจ้างก็ต้องนำไปขายเพื่อหาเงินมาจ่ายให้กับบริษัท แต่กลับถูกบริษัทยึดที่ไปขายทอดตลาดอีก โดยก่อนหน้านี้ได้พยายามยื่นเรื่องไปภาครัฐหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยอาจเป็นเพราะว่าเราเป็นคนจน และมักถูกเอาเปรียบจนไม่มีทางออกจนรู้สึกท้อแท้ บางครั้งคิดอยากฆ่าตัวตาย โชคดีที่เพื่อนบ้านคอยปลอบให้กำลังใจไปวันๆ