"เจ๊มิ้ง" เท้าแชร์ "บ้านน้องปริมพารวย" ประสานมอบตัวกับตำรวจสุพรรณฯ ร่ำไห้รับกลุ่มแชร์ล้มจริง หมุนเงินไม่ทัน ไม่ขอประกันตัว เนื่องจากกลัวถูกทำร้าย ปฏิเสธทุกข้อหา

กรณี ชาวบ้านที่สุพรรณบุรี นับร้อยราย ที่ร่วมเล่นแชร์เงินออมกับ "บ้านน้องปริมพารวย" โดยมี น.ส.วิจิตรา คล้ายอุบล หรือ "เจ๊มิ้ง" อายุ 25 ปี ชาว อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็นเท้าแชร์ แล้วไม่ได้รับการปันผล เสียหายรวมนับร้อยล้าน และได้รวมตัวเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทยอยรับคดีสอบปากคำ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาล ออกหมายจับจังหวัดสุพรรณบุรี เลขที่ จ.260/256 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ออกหมายจับ โดยตำรวจได้จัดชุดสืบสวนทั้ง สภ.เมือง และ กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ติดตามตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี น.ส.วิจิตรา คล้ายอุบล หรือ "เจ๊มิ้ง" เท้าแชร์เงินออม บ้านน้องปริมพารวย ได้เดินทางมาขอเข้ามอบตัว กับ พ.ต.อ.สมพร พุกหอม ผกก. สภ.เมืองสุพรรณบุรี โดยมีอดีตผู้นำท้องถิ่นชื่อดังคนหนึ่งใน อ.อู่ทอง เป็นผู้ประสานงาน และนำมามอบตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบปากคำรายละเอียด เบื้องต้นเป็นเวลานานกว่า 2 ชม. ซึ่ง น.ส.วิจิตรา ผู้ต้องหา ได้บอกตำรวจว่า จะไม่ขอประกันตัวแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงจะเป็นอันตราย ถูกทำร้ายจากกลุ่มลูกแชร์

โดย น.ส.วิจิตรา กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่ติดตามข่าวจากทางสื่อต่างๆ ก็รู้สึกเครียดอย่างมาก และถูกกดดันจากหลายฝ่าย หลายเรื่อง จึงตัดสินใจติดต่อผู้ใหญ่ที่เคารพคนหนึ่ง เพื่อให้พาเข้ามอบตัว พร้อมยกมือไหว้ขอโทษผู้เสียหายทุกคน บอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจจะหนี แต่ขอเวลาไปตั้งหลัก เพราะแชร์ล้มจริงๆ ไม่มีเงินหมุนเวียนทันตามเวลากำหนดที่จ่าย

...

ตอนแรกตนเปิดวงแชร์ธรรมดาก่อน ต่อมาก็มาเปิดแชร์วงออม และให้ดอกเบี้ยสูง มีคนมาเล่นจำนวนมาก ประมาณ 1 ปี มีลูกแชร์ ร่วม 300 คน มีเงินหมุนเวียนนับ 100 ล้าน แต่เงินในบัญชีที่มีอยู่บางส่วน 17 ล้าน ตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะทยอยคืนให้ผู้เสียหายไปจนหมดแล้ว ตนก็ขายรถ ขายบ้าน ขายทอง ทรัพย์สินจนหมด ไม่เหลืออะไรแล้ว ตอนนี้ก็เป็นห่วงแม่ ลูก ครอบครัว เรื่องความปลอดภัย

ด้าน พ.ต.อ.สมพร พุกหอม ผกก. สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสอบสวนอย่างละเอียด หลังจาก น.ส.วิจิตรา เข้ามอบตัว ท่ามกลางกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา ส่วนยอดผู้เสียหาย ตอนนี้ที่ทยอยมาแจ้งความ ประมาณ 50 ราย ยอดเงินที่เสียหาย ยังไม่ทราบแน่ชัด ต้องตรวจสอบอีกครั้ง

ส่วนวันนี้ได้ตั้งข้อหาร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่ง น.ส.วิจิตรา ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง