เหตุเกิดที่เชียงใหม่ วินาทีพาวเวอร์แบงก์ระเบิดกลางหลังนักท่องเที่ยว ไฟพุ่งออกจากเป้ ขณะกำลังเดินเข้าสนามบิน โชคดีรู้ตัวก่อน
วันที่ 25 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นี่คือภาพเหตุการณ์ขณะที่นักท่องเที่ยวรายหนึ่งกำลังสะพายกระเป๋าเป้มาที่บริเวณหน้าจุดตรวจสัมภาระของท่าอากาศยานเชียงใหม่ จากนั้นวัตถุที่อยู่ในกระเป๋าได้เกิดระเบิดขึ้นเป็นสะเก็ดไฟพุ่งออกมากลางหลังของนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว ก่อนนักท่องเที่ยวจะรู้สึกตัว และเหวี่ยงกระเป๋าสะพายทิ้ง ทำให้เห็นมีแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงก์ หล่นออกมา สภาพมีสะเก็ดไฟ
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของสนามบินได้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งไฟได้ดับลงไปแล้ว ก่อนที่จะมีไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบดับไฟ หลังไฟดับพบว่า สาเหตุมาจากแบตเตอรี่สำรอง อยู่ในสภาพระเบิด ไหม้ดำสนิท โชคดีที่ไม่เกิดระหว่างที่เครื่องบินบินอยู่
ขณะที่จากการสอบถามนักท่องเที่ยว พบว่าแรงระเบิด ทำให้เสื้อคลุมตัวนอกที่สวมใส่อยู่ โดนสะเก็ดไฟจนไหม้ ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ จึงขอฝากไปยังประชาชนที่ไม่เข้าใจในการพกพาแบตเตอรี่สำรองเหล่านี้ ในการนำติดตัวขึ้นเครื่อง ซึ่งที่ถูกก็คือ ห้ามนำพาวเวอร์แบงก์ใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลดใต้เครื่อง ซึ่งเป็นไปตามกฎของสายการบินทุกสาย ในการห้ามโหลดสิ่งที่เป็นแบตเตอรี่ หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการติดไฟ หรือระเบิดได้ไว้ใต้เครื่องโดยเด็ดขาด ดังนั้นให้พกไว้ในกระเป๋าที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่องไปท่านั้น และจะต้องมีขนาดความจุไฟฟ้าและจำนวนตามข้อกำหนดที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น
...
สำหรับข้อกำหนดการพกพาแบตเตอรี่สำรองขึ้นเครื่องบินนั้น มีดังนี้
- นำขึ้นเครื่องได้ แต่ความจุและจำนวนที่พกพาต้องไม่เกินกำหนด ทุกสายการบินฯ จะมีการกำหนดขนาดความจุไฟฟ้าของ power bank (แบตเตอรี่สำรอง) ในการนำติดตัวขึ้นเครื่องไว้อย่างชัดเจน ตามมาตรฐานความปลอดภัยของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งข้อกำหนดเหล่านั้นล้วนเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทั้งสิ้น
– power bank ขนาดความจุไฟฟ้ามากกว่า 32000 mAh ไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องทุกกรณี
– power bank ความจุไฟฟ้าอยู่ที่ระหว่าง 20000 – 32000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อน
– power bank ความจุไฟฟ้าต่ำกว่า 20000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่จำกัดจำนวน
นั่นหมายความว่า กรณีมี power bank ความจุไฟฟ้าอยู่ที่ 30000 mAh ก็สามารถพกได้ 2 ก้อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับรายละเอียดของเรื่องนี้ ต้องรอทางการท่าอากาศยานเชียงใหม่ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.