นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การดำเนินงานติดตามกรณีนายจ้างค้างชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมทั่วประเทศ ในปี 2562 (ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน) ว่า สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของสถานประกอบการที่ค้างชำระกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน โดยอายัดทรัพย์สินจำนวน 8,700 ราย ถอนยึดอายัดทรัพย์ 180 ราย ยื่นคำขอรับชำระหนี้ 67 ราย แบ่งเป็น กรณีพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 66 ราย กรณีฟื้นฟูกิจการ 1 ราย มีจำนวนหนี้ที่สำนักงานประกันสังคมติดตามมาได้ทั้ง 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน รวมเป็นจำนวนเงิน 70,015,257.96 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เหตุเกิดจากนายจ้างหักเงินสมทบในส่วนของ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน แต่ไม่ยอมนำส่งสำนักงานประกันสังคม เมื่อลูกจ้าง ผู้ประกันตน ไปขอรับประโยชน์ทดแทนจากสำนักงานประกันสังคม กลับไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคม ได้มีแนวทางมาตรการดำเนินการกับนายจ้างที่ติดค้างชำระหนี้ตามขั้นตอน คือ แจ้งเตือนและเชิญพบกรณีนายจ้างมาพบจะได้รับหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน หากผิดนัดไม่ชำระจะดำเนินการกับบุคคลหรือหลักทรัพย์ทันที


เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า หากในกรณีนายจ้างไม่มาพบตามหนังสือเชิญ สำนักงานประกันสังคมจะดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้จะจัดส่งรายชื่อนายจ้างชำระหนี้และประวัติไม่ดีให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยกัน ในกรณีที่นายจ้างต้องการความช่วยเหลือทางด้านที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน ทางสำนักงานประกันสังคมจะจัดส่งคณะทำงานเข้าช่วยเหลือ สำหรับนายจ้างที่มีเจตนาไม่ชำระเงิน หรือไม่ใส่ใจในข้อกฎหมายใดๆ เลย จะใช้มาตรการดำเนินการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สิน และหากมีมูลหนี้สูงจะทำการฟ้องล้มละลาย สำหรับนายจ้างที่ปิดกิจการไปแล้ว สำนักงานประกันสังคมก็มีมาตรการเร่งติดตามนายจ้าง เพื่อจะดำเนินการเช่นเดียวกับสถานประกอบการที่มีสถานะยังดำเนินกิจการอยู่เช่นกัน จึงขอฝากนายจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม อย่าปิดบังซ่อนเร้น ไม่ยอมจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้าง หากสำนักงานประกันสังคมตรวจพบ นายจ้างจะต้องจ่ายทั้งเงินสมทบพร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของเงินสมทบที่ยังไม่นำส่ง หรือส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือไปยัง ลูกจ้าง/ผู้ประกันตน หรือผู้ที่พบเห็นการกระทำดังกล่าว แจ้งข้อมูลเบาะแสได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก