"แซม ณัฐพล" ไอดอลนักสู้มะเร็ง เล่านาทีเข้าผ่าตัดมะเร็งที่สงบไปนานกว่า 10 ปี แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากเลือดออกเยอะ บอกทั้งเจ็บปวดและทรมาน ด้านชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพล เสมสุวรรณ หรือ คุณแซม ไอดอลนักสู้มะเร็งคนดัง อดีตผู้ป่วยนอนติดเตียง จากมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคแพ้ยาอย่างรุนแรง "สตีเวน จอห์นสัน" แต่ก็ไม่ท้อลุกขึ้นมาวิ่งมาราธอน ส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา คุณหมอสงสัยว่า "มะเร็ง" ที่สงบไป 10 กว่าปี อาจจะฟื้นคืนกลับมาที่บริเวณโคนลิ้น ต้องเข้ารับการผ่าตัด ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด (28 มิ.ย.62) คุณแซม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sam's Story เล่านาทีก่อนเข้าผ่าตัด ว่า ภาพจำสุดท้ายของผมก่อนทำการผ่าตัด คือภาพการเล่าให้พี่ๆ คุณหมอและพยาบาลในห้องผ่าตัดฟังถึงความประทับใจที่ได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ทางโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ที่ได้รับบริจาคจากคนไทยผ่านทางโครงการก้าว โดยไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้มีโอกาสใช้เครื่องมือเหล่านี้ในวันนี้

จนกระทั่งพยาบาลเปิดหน้าต่างออกมาตะโกนเรียกหาคุณแม่ น้องบอกว่าเป็นเสียงที่คุณแม่และน้องกลัวที่สุด ทั้งสองคนรีบวิ่งไปหาพยาบาลพร้อมกับน้ำตา เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โดยคุณหมอผู้ทำการผ่าตัดออกมาแจ้งว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดตามแผนการที่วางไว้ได้ เนื่องจากตัวผมมีอาการเลือดออกเยอะเกินไป ขั้นตอนของการวางยาสลบเป็นไปอย่างยากลำบาก

เนื่องจากผมมีอาการขากรรไกรล็อกจากการติดเตียง อ้าปากไม่ได้มาก หากสอดท่อลงไปอาจเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจน และมีความเป็นไปได้ที่เลือดจะหลุดไหล หล่นเข้าไปในปอด จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบของการวางยา โดยทำการใส่สายเข้าไปทางจมูก และสอดให้ลงไปถึงข้างในปอด

...

หากแต่วิธีที่สองนั้น ต้องกระทำตอนที่ผมรู้ตัว คุณหมอแจ้งว่าวิธีการอย่างหลังนี้จะปลอดภัยจากการขาดออกซิเจนมากกว่า แต่จะทรมานมากกว่า พร้อมกับมอบสิทธิ์ขาดให้ผมเป็นผู้เลือก ซึ่งผมเลือกแบบที่สอง หลังจากรัดแขน ผูกขาผมเข้ากับเตียงผ่าตัด คุณหมอก็เริ่มทำการสอดสายเข้าไปในจมูก ด้วยร่างกายที่ผ่านการทำเคมีบำบัดมาอย่างโชกโชน ทำให้เยื่อบุของผมบอบบางมากกว่าคนปกติ แล้วเลือดก็ไหลท่วมออกมา

ทั้งนี้ โดยคุณหมอบอกคุณแม่ว่า ผมเป็นคนอดทนได้อย่างยอดเยี่ยมในสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ แต่ถึงอย่างไรกระบวนการรักษาก็เจ็บปวดและทรมาน ทรมานจนคิดว่าความทรงจำในส่วนนี้ จะทำร้ายความรู้สึกของผม จึงจำเป็นต้องฉีดยาลบเลือนความทรงจำ ขณะที่ชาวเน็ตจำนวนมากร่วมให้กำลังใจอย่างล้นหลาม.

(ภาพและข้อมมูลจาก เฟซบุ๊ก Sam's Story)

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง