“สมัยก่อนผมทำทุกอย่างเพื่อคุณพ่อ อยากทำให้คุณพ่อหายเหนื่อยและสบายใจ แต่ตอนนี้ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อพนักงานทุกคนในคิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อเป็นห่วงมากที่สุด”...หลังจากเก็บงำความรู้สึกช็อกจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาหลายเดือนโดยไม่ปริปากใดๆ นอกจากโพสต์ถ่ายทอดความรู้สึกเพียงครั้งเดียวในอินสตาแกรม ล่าสุด ระหว่างนำคณะสื่อมวลชนไทยบุกเยือนสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พร้อมชมคอลเลกชันสินค้าที่ระลึกใหม่ “Thai Natural Dye Collection” จากภูมิปัญญาไทยสู่ตลาดโลก เดอะบอสคนใหม่ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ยอมเปิดใจกับทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐเป็นครั้งแรก บอกเล่าถึงคำมั่นสัญญาของลูกผู้ชายที่จะนำพาคิง เพาเวอร์ ไปสู่ความยิ่งใหญ่ตามแบบที่คุณพ่อวาดฝันไว้

“ผมภูมิใจที่เกิดมามีพ่อที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ผมเป็นคนที่รับไม้ต่อจากคุณพ่อ และจะไม่มีทางทำให้คุณพ่อผิดหวังครับ ผมเชื่อว่าทุกคนจะสนับสนุนผมไม่มากก็น้อยในทุกๆด้าน คุณพ่อสอนให้ผมเข้มแข็งและเป็นคนดูแลครอบครัวมานานมาก ท่านมีวิธีการสอนให้ผมเติบโตแบบไม่รู้ตัว ท่านเป็นแบบอย่างในการทำงานและการใช้ชีวิต ซึ่งผมได้ซึมซับทุกอย่างมาไว้ใน ตัวแล้ว วันนี้ท่านฝากงานชิ้นใหญ่ที่สุดไว้ให้ผม และผมจะดูแลรักษามันให้ดีเท่าที่ความสามารถของผมจะทำได้ ผมสัญญาว่าจะไม่มีวันไหนเลยที่จะทำให้คุณพ่อผิดหวังในตัวผม”…คิดถึงคุณพ่อสุดหัวใจ “ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” บอกเล่าความรู้สึกไว้ในขณะที่ยังทำใจไม่ได้

...

ผ่านไปแล้วหลายเดือนกับความสูญเสียยิ่งใหญ่ จนถึงตอนนี้ “คุณต๊อบ” ตั้งหลักได้หรือยัง

ภาระมันหนักตั้งแต่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่แล้ว แต่เมื่อท่านจากไปภาระทุกอย่างยิ่งหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิม แต่ผมไม่มีเวลาท้อ และจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง เพราะท่านฝากในสิ่งที่ท่านรักไว้มากมาย ทั้งเรื่องบริษัท, พนักงาน, ธุรกิจ และครอบครัว ผมเชื่อว่าพนักงานของเราทุกคน และคนที่ใกล้ชิดท่านจะสัมผัสได้ว่าท่านให้ใจกับทุกคน

คุณพ่อได้ถ่ายทอดวิทยายุทธ์อะไรไว้ให้บ้าง

คำสอนทุกอย่างของท่าน มันเป็นสิ่งที่ผมน้อมรับไว้ทั้งหมด คุณพ่อจะพูดตลอดว่างานต้องมาก่อน บริษัทมาก่อน พนักงานมาก่อน ความสุขส่วนตัวของเราต้องมาทีหลัง ผมเข้ามาทำงานกับคุณพ่อตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่พออายุ 17 เริ่มเห็นในสิ่งที่ท่านทุ่มเททำลงไปอย่างชัดเจนขึ้น คุณพ่อสอนให้ผมเข้มแข็งและเป็นคนดูแลครอบครัวมานานมากแล้ว ทั้งๆที่ผมเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน

เท่าที่ติดตามคุณพ่อมาอย่างใกล้ชิด อะไรคือกุญแจความ สำเร็จที่ทำให้ “คิง เพาเวอร์” รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ทุกอย่างที่สำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจของคิง เพาเวอร์ หรือการทำสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ถ้าไปดูเบื้องหลังกันจริงๆแล้ว จะรู้เลยว่าคุณพ่อใส่ความทุ่มเทอัดเข้าไปเกินร้อย จนไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเราจึงประสบ ความสำเร็จ ที่สำคัญในทุกๆความสำเร็จ ไม่เคยมีนโยบายไหนที่ออกมาแล้วคนตั้งคำถามโต้แย้ง เพราะสิ่งที่คุณพ่อคิดคุณพ่อทำมักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความหวังดีทั้งหมด มันคือ “ใช่” สำหรับตัวท่านเอง และต้อง “ใช่” สำหรับบริษัท ตลอดจนพนักงานของเราด้วย

ขาดหางเสือใหญ่ซะแล้ว ในฐานะหัวเรือใหม่ “คุณ ต๊อบ” ต้องปรับกระบวนยุทธ์ขนาดไหน

ต้องบอกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณพ่อได้วางแนวทางการทำงานของทุกๆ บริษัทในเครือคิง เพาเวอร์ ให้มีความชัดเจน โดยท่านเริ่มถ่ายงานและปล่อยให้ผมลองผิดลองถูกเองในฐานะซีอีโอเต็มตัว ท่านแค่จะไกด์และบอกไดเรกชันที่ต้องการ แต่ไม่ลงรายละเอียด ทุกครั้งเราจะคุยกันว่าท่านอยากให้ธุรกิจเป็นแบบไหน มาร์เกตจะไปแบบไหน มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ท่านวางไดเรกชันทุกอย่างไว้หมด ส่วนผมมีหน้าที่นำนโยบายของท่านไปปฏิบัติให้เป็นจริง จนถึงวันนี้จึงกลายเป็นว่าผมได้รับนโยบายจากคุณพ่อเยอะมาก แต่ยังทำได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำ ผมจำสิ่งที่คุณพ่อบอกได้ทุกเรื่อง และทำตามความต้องการของคุณพ่อทุกอย่าง อันนี้ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่จำทุกอย่างได้หมด

ในยุคของ “เดอะบอสคนใหม่” กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะมีอะไรแตกต่าง จากยุคของท่านประธานวิชัยบ้าง

ผมเพิ่งแถลงนโยบายเรื่องการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ก้าวสู่ปีที่ 30ของ “คิง เพาเวอร์” เราจะเดินไปรูปแบบไหน ซึ่งชัดเจนว่าจะมีการกรุ๊ปปิ้งบริษัทในเครือใหม่หมดเพื่อให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ลดความ ซ้ำซ้อนในการทำงาน สมัยก่อนเราเริ่มต้นจากการเป็น “คิง เพาเวอร์” คิงออฟ ดิวตี้ฟรี แล้วก็ขยายธุรกิจมาเป็น “คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป” เมื่อผมเข้ามารับไม้ต่อ เต็มตัว ผมได้ปรับทัพใหม่แบ่งธุรกิจออกเป็น 4 ด้านหลักๆคือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ประกอบด้วยดิวตี้ฟรี ดาวน์ทาวน์ และแอร์พอร์ต, กลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การสร้างสกายวอล์ก และพัฒนาตึกมหานคร ส่วนที่สี่คือธุรกิจอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการทำสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโล สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณพ่อสร้างขึ้นมาทั้งหมด แต่ผมมีหน้าที่จับกรุ๊ปปิ้งใหม่ เพื่อที่ว่าเมื่อขยายธุรกิจออกไปข้างนอก จะไปทำอะไรก็แล้วแต่ กรอบของธุรกิจจะอยู่แต่ในสโคปนี้

คำสอนไหนของคุณพ่อที่จดจำขึ้นใจที่สุด

ผมเก็บสิ่งที่คุณพ่อสอนมาใช้ในการบริหารธุรกิจทุกอย่างจริงๆท่านเน้นเสมอว่าเราควรจะทำแต่สิ่งที่เราถนัดและทำได้ดีที่สุด ซึ่งการที่เราทุ่มเททำธุรกิจในสิ่งที่เราถนัดจริงๆ ทำให้เราแข็งแรงมาก จนคนอื่นอาจจะอยากได้ไป ซึ่งก็เข้าใจได้นะครับ แต่เราก็ไม่ทำอย่างอื่นที่ไม่ถนัดเด็ดขาด

วันนี้ไม่มีใครให้คำปรึกษาแล้ว ถ้าเจออุปสรรคใหญ่จะฝ่าฟันไปอย่างไร

สมัยก่อนไม่ว่าจะทำอะไร ผมจะนำเสนอไปก่อน แล้วพ่อลูกมานั่งถกเถียงกันจนได้คำตอบที่เราทั้งคู่พอใจ ซึ่งจากการที่ผมติดตามทำงานใกล้ชิดท่านมานาน ทำให้ผมอ่านใจคุณพ่อได้ถูกหมด แต่ทุกวันนี้เมื่อไม่มีคุณพ่อแล้ว ก็กลายเป็นว่าผมต้องคาดเดาว่าคุณพ่อจะคิดจะตัดสินใจแบบไหน ถ้ามายืนอยู่ตรงนี้ ท่านจะเลือกทางเดินยังไง ถ้าเจอเรื่องแบบนี้

หลายคนบอกว่า “คุณต๊อบ” ถอดแบบบุคลิกนิสัยมาจากคุณพ่อเต็มๆ

ไม่เหมือนหรอกครับ ยากที่ใครจะเหมือนท่านได้ ผมว่าเราเติมเต็มกันทั้งคู่ ผมคิดว่าผมรู้ใจท่านพอสมควร ทำงานใกล้ชิดกับคุณพ่อตลอด ผมเดาได้ว่าถ้าคุณพ่อจะเลี้ยวซ้าย ท่านเลี้ยวซ้ายเพราะอะไร ซึ่งในวันนี้ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่ออยากทำอะไร ถ้าผมได้ข้อมูลสนับสนุนว่าไปทางซ้ายแล้วดี ผมก็ไม่จำเป็นต้องลังเลใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณของตัวเองนะครับ

คุณแม่มีส่วนให้กำลังใจด้านไหนบ้าง

คุณแม่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างมาตลอด ท่านเป็นคนเตือนคนสอนทุกเรื่อง เปรียบเหมือนพระในบ้านที่เราต้องเคารพและฟัง ลูกสี่คนจะต้องไปทานข้าวกับคุณแม่ทุกอาทิตย์ ใครมีอะไรก็เล่าให้คุณแม่ฟังหมด

สาวๆฝากถามว่า หนุ่มเนื้อหอมอย่าง “คุณต๊อบ” มีแฟนหรือยัง

ไม่เห็นมีเลย ทำงานอย่างเดียว ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้หรอก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามองเรื่องพวกนี้ ผมชอบคนที่ไม่ต้องมายุ่งกับผมมาก ถ้าเขาเข้าใจก็ดีหรอก แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ

เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า เป็นน้องเล็กของบ้าน แต่ทำไมต้องทำงานหนักขนาดนี้

งานอยู่ในชีวิตผมทุกนาที แต่ผมสนุกกับทุกงานที่ทำครับ รู้สึกว่าต้องทำให้ได้และมันท้าทาย ไม่เคยรู้สึกเหนื่อย หรืออึดอัดที่ต้องทำงานเยอะขนาดนี้ แต่ถ้าเทียบกับซีอีโอรุ่นใหม่คนอื่น ผมไม่รู้นะ คนอื่นอาจจัดเวลาได้ดีกว่าผม แต่ผมต้องทำให้ได้มากกว่าคนอื่น และต้องทำให้เร็วกว่าคนอื่น เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่คุณพ่อสร้างมามันคือสิ่งที่ดี

“ไม่ใช่แค่ทำในสิ่งที่คุณพ่อสร้างมาให้ดีที่สุด แต่จะต้องทำให้ดีกว่าที่เคยเป็น เพราะคุณพ่อฝันไว้ยิ่งใหญ่มาก แม้จะไกลขนาดไหน ผมก็ต้องไป!!”.

ทีมข่าวหน้าสตรี