ครูหนุ่มเปิดใจ ปัดไม่เคยบังคับเด็กอมนกเขา ช่วยสำเร็จความใคร่ รับเครียด แต่พร้อมสู้คดี พิสูจน์ความบริสุทธิ์ เตรียมหารือผู้บังคับบัญชา ด้าน สพป. สั่งโรงเรียนทำเรื่องชี้แจงแล้ว

จากกรณีพ่อแม่เด็กชายวัย 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ เข้าแจ้งความดำเนินคดีครูชายคนหนึ่ง ว่าบังคับกระทำอนาจารกับเด็กชายหลายคน โดยให้เด็กอมอวัยวะเพศ จนสำเร็จความใคร่ ซึ่งกรรมการสถานศึกษา ผู้ที่พาผู้ปกครองเข้าแจ้งความ เปิดเผยว่ามีเด็กชายถูกกระทำในลักษณะดังกล่าวถึง 8 คน แต่มีเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 2 ราย

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ม.ค. นายบำรุง ฤทธิรัตน์ ผอ.สพป.กระบี่ ได้เรียกตัว ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุ เข้าให้ข้อมูลเรื่องนี้ที่ สนง.สพป.กระบี่

โดย ผอ.โรงเรียน ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนรับทราบ มาตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.61 หลังจากผู้ปกครองรายหนึ่งเข้ามาร้องเรียนว่า ครูในโรงเรียนมีพฤติกรรมอนาจารเด็ก ซึ่งทางโรงเรียนสั่งตั้งกรรมการสืบสวนเรื่องนี้ไปแล้ว ปรากฏว่า ไม่พบว่าจะมีพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงเรียนตามที่ถูกกล่าวอ้าง

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง ทางโรงเรียนก็ได้สั่งให้ครูชายคนดังกล่าว เปลี่ยนหน้าที่จากครูประจำชั้น มาเป็นครูสอนรายวิชา โดยให้มานั่งทำงานที่หน้าห้องทำงานของตน และให้ครูในโรงเรียนเป็นครูพี่เลี้ยง ช่วยสังเกตพฤติกรรมตลอด ทั้งที่โรงเรียน และที่บ้านพักของครูคนดังกล่าว

ขณะที่ นายบำรุง กล่าวว่า เรื่องนี้ในขั้นต้นตนสั่งการให้ทางโรงเรียนทำรายงานชี้แจงเรื่องนี้เข้ามาอีกครั้ง หลังจากก่อนนี้ เคยมีรายงานผลการสืบสวนมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่พบว่าจะมีมูลว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงเรียน สำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหา พบเป็นครูผู้ช่วย ที่อยู่ในช่วงการประเมินว่าจะได้รับการบรรจุ ซึ่งโดยปกติต้องประเมิน 2 ปี เจ้าตัวทำงานมาแล้วปีเศษ เหลืออีกเพียง 3 เดือน ก็จะได้รับการประเมิน

...

ล่าสุดทราบว่า เจ้าตัวมีอาการเครียด และรู้สึกไม่ปลอดภัย ตนกำลังนำเรื่องนี้หารือกับที่ประชุม สพป. ว่า อาจจะให้ย้ายมาช่วยงานที่ สพป. เป็นการชั่วคราวก่อน ระหว่างรอผลการดำเนินคดี ซึ่งหากผลการดำเนินคดีชี้ออกมาว่าผิด ก็จะมีโทษทางวินัยร้ายแรง ถึงขั้นให้ออก

ด้านนายเอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ครูหนุ่มที่ถูกกล่าวหา ออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตนเองก็สงสัยว่า ตามที่ผู้ปกครองอ้างว่า เรื่องเกิดขึ้นมานาน ตั้งแต่ปี 2560 ทำไมถึงเพิ่งมาแจ้งความเอาเรื่อง เป็นไปได้หรือไม่ ที่อาจจะมีคนไม่ชอบตนเป็นการส่วนตัว ซึ่งข่าวที่ปรากฏออกมา ตนยอมรับว่ามีความเครียด แต่ไม่อยากให้สังคมตัดสินจากข่าวที่ปรากฏออกมาทางสื่อ อยากให้รอความจริงทุกอย่างพิสูจน์ออกมาทางกระบวนการกฎหมายเสียก่อน

ส่วนที่กล่าวหาว่า ตนไปข่มขู่เด็ก ไม่ให้นำเรื่องนี้ออกมาบอกผู้ปกครองนั้น ยืนยันว่าตนไม่เคยพูดจาข่มขู่อะไรกับเด็กๆ ทั้ง 8 รายเลย ตนมาทำอาชีพครู เพราะรักในอาชีพนี้

นายเอ กล่าวอีกว่า ก่อนนี้ตนเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียน ไม่เคยมีปัญหากับเด็กๆ หลังเลิกเรียน ก็จะเปิดสอนเสริมให้กับเด็กๆ ที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของตนก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีลุง ลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อน ในแต่ละวันจะมีเด็กมาอยู่กัน 4-5 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา

ส่วนที่ห้องเรียน ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในชั่วโมงเรียนมีเด็กนักเรียนอยู่จำนวนมาก เป็นไปไม่ได้หากมีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหาแล้วจะไม่มีเด็กคนอื่นเห็น ตอนนี้ยอมรับว่าเครียด กำลังหารือกับผู้บังคับบัญชา ว่าจะขอย้ายพื้นที่ก่อนชั่วคราว หากพิสูจน์ได้แล้วว่าตนไม่ผิดจริง ก็ยังพร้อมจะกลับมาเป็นครูตามที่ตั้งใจไว้ ตอนนี้ตนพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเอง

ในส่วนของความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย ผกก.สภ.อ่าวนาง กล่าวว่า ความคืบหน้าในวันนี้ ตนสั่งการให้พนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าทุกข์อีกราย ที่เคยแจ้งความไว้ก่อน มาให้การ รวมทั้งทำหนังสือประสานไปยังอัยการ นักจิตวิทยา สหวิชาชีพ เพื่อนัดความพร้อมกัน เพื่อนำตัวเด็กชาย 2 คน ไปให้การต่อหน้าสหวิชาชีพ โดยคาดว่าจะนัดสอบปากคำได้ภายใน 1-2 วันนี้

ส่วนตัวผู้ถูกกล่าวหา ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ต้องเป็นหลังจากสอบเด็กและพยานแวดล้อมบางส่วนแล้ว จึงจะเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนพยานหลักฐาน ก็ต้องเก็บทั้งพยานแวดล้อมทั้งหมด และเก็บพยานทางนิติวิทยาศาสตร์เท่าที่เก็บได้ เนื่องจากคดีเกิดขึ้นมานานแล้ว.